Page 21 - kpi22237
P. 21
16
2) รูปแบบของพรรคการเมืองจะเปลี่ยนแปลงไปตามรูปแบบหรือวิธีการเลือกตั้ง จากกฎของ
ดูวิแยร์ (Duverger’s law) กล่าวว่าการเลือกตั้งแบบเสียงข้างมากเขตเดียวพอเดียว
(SMD, FPTP) จะไปสู่ระบบสองพรรคการเมืองใหญ่ที่เข้มแข็ง (two-party system)
ส่วนการเลือกตั้งแบบสัดส่วน (PR) จะน าไปสู่ระบบหลายพรรค (multiparty system) ที่เป็น
ตัวแทนกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ (Gallagher 2011, 187)
3) ระบบเลือกตั้งส่งผลต่อลักษณะทางสังคมวิทยาประชากร (socio-demography)
ที่เปลี่ยนแปลงไป การเลือกตั้งแบบสัดส่วนจะท าให้เกิดกลุ่มตัวแทนของประชากรที่
หลากหลายทั้งอาชีพ สมาคม และศาสนา แต่ถ้าเป็นการเลือกตั้งแบบเสียงข้างมากจะน าไปสู่
สังคมที่มีลักษณะเป็นภูมิภาคนิยม (regionalism) ที่ข้ามชนชั้น ข้ามอาชีพ และข้ามศาสนา
(Gallagher 2011, 187)
4) รูปแบบการเลือกตั้งและระบบเลือกตั้งที่แตกต่างกันส่งผลให้พฤติกรรมของนักการเมือง (MPs
behave) มีความแตกต่างกัน ถ้าเขตเลือกตั้งเป็นเขตเดียวและระบบเลือกตั้งเป็นแบบเสียง
ข้างมากหนึ่งคนหนึ่งเขต ผู้แทนก็จะดูแลพื้นที่ของตนเป็นอย่างดี แต่ถ้าหากผู้แทนมาจากการ
เลือกตั้งแบบสัดส่วน ผู้แทนก็จะสนใจปัญหาในระดับประเทศมากกว่าระดับท้องถิ่น
(Gallagher 2011, 187-188)
ทั้งหมดนี้จึงท าให้เห็นว่าการเลือกตั้งและระบบเลือกตั้งเป็นสาระส าคัญอย่างยิ่งไม่ใช่เฉพาะผู้ที่สนใจ
การเมืองเปรียบเทียบเท่านั้น แต่ส าคัญกับนักรัฐศาสตร์ทุกคนที่จ าเป็นต้องมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการเลือกตั้ง
เพราะอย่างน้อยที่สุดภายใต้บริบทของประชาธิปไตยปัจจุบันยังไม่มีกลไกอื่นในการสรรหาผู้ที่จะมาท าการ
ปกครองประเทศที่ดีหรือเหมาะสมมากไปกว่าการเลือกตั้งที่เป็นรูปแบบการแสดงของประชาชนที่ชัดเจนที่สุด
จนกล่าวได้ว่าการเลือกตั้งไม่ใช่ทั้งหมดของประชาธิปไตย แต่ประชาธิปไตยไม่สามารถขาดการเลือกตั้งได้
แผนภาพที่ 2.1: ความเป็นตัวแทนที่มีคุณภาพในระบอบประชาธิปไตย
(ปรับปรุงจาก Vieira and Runciman 2008, 141)