Page 16 - kpi22237
P. 16
11
(survey research) ด้วยการจัดท าฐานข้อมูลประชากร (demographic mapping) จนพบว่ามีกลุ่มคนเพียง
บางกลุ่มเท่านั้นที่มีความพร้อมเข้ามาเป็นผู้ลงสมัครแข่งขันรับเลือกตั้ง
แตกต่างจากกลุ่มที่สอง คือ แนวการศึกษาแบบสถาบัน (institutional approach) ที่พยายามน า
ปัจจัยเชิงสถาบันทางการเมืองเข้ามาเป็นตัวแปรต้นในการศึกษา โดยแนวการศึกษานี้ได้รับอิทธิพลมาจากการ
1
กลับมาของกลุ่มสถาบันนิยมใหม่ (new institutionalism) ที่พยายามเอา “สถาบันการเมือง” เข้ามาเป็น
ประเด็นศึกษาหลักทั้งสถาบันที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ
โดยกลุ่มแนวการศึกษาแบบสถาบันมองระบบการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งว่าเป็น “การคัดสรร
ผู้เป็นตัวแทน” (candidate selection) โดยศึกษา “การเมือง” ในฐานะตัวแปรต้นและตัวแปรตามของการคัด
สรรผู้แทนการกระบวนการที่ครอบคลุมที่ขั้นตอน ตั้งแต่ข้อเรียกร้องและการสนับสนุน (demand and
supply) โครงสร้างโอกาสทางการเมือง (political opportunity structures) ระบบเลือกตั้ง (electoral
2
system) และการคัดเลือกคนเข้าสู่สภา (legislative recruitment) การศึกษาในกลุ่มนี้จึงใช้วิธีการ
การวิเคราะห์สถาบัน (institutional analysis) เพื่อสากลไกการท างาน (institutional mechanisms) ต่างๆ
ที่จัดวางระบบการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง
ดังนั้น งานวิจัยฉบับนี้จึงสมาทานแนวการศึกษาแบบสถาบันมาเป็นกรอบการศึกษาหลักในงานวิจัย
เพื่อวิเคราะห์การท างานของสถาบันทางการเมืองจากกลไกของรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 และพระราชบัญญัติ
ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 เพื่อหาว่าเหตุใดระบบการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง
จากกฎกติกาดังกล่าวจึงไม่สามารถปฏิบัติได้จริง และจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงในประเด็นเชิง
สถาบันใดบ้าง ทั้งในเชิงกฎหมายและการปฏิบัติ เพื่อให้เกิด “ตัวแบบ” ที่เป็นระบบการสรรหาผู้ลงสมัคร
รับเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตยและสามารถปฏิบัติได้จริง
2.2.2 งานศึกษาจากประเทศไทย
ส าหรับงานศึกษาของไทยจะพบว่างานที่ได้ศึกษาเกี่ยวกับระบบการคัดเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งโดยตรง
คืองานวิจัยของ สติธรและธนพันธ์ (2560) ที่ด าเนินการส ารวจรูปแบบของระบบคัดสรรผู้สมัครรับเลือกตั้งจาก
ประเทศต่างๆ เพื่ออธิบายการน าหลักการเรื่องการเลือกตั้งขั้นต้น (primary election) มาใช้ในประเทศไทย
ในการเลือกตั้งสมาชิกผู้แทนราษฎรในประเทศไทยมีกฎเกณฑ์ที่ก าหนดให้ผู้ลงสมัครต้องสังกัดพรรคการเมือง
ใดพรรคการเมืองหนึ่ง กระบวนการคัดสรรผู้สมัครของแต่ละพรรคการเมืองจึงมีความส าคัญแง่ของระบบ
1 รัฐศาสตร์ได้น ากรอบเรื่องสถาบันกลับมาใช้อีกครั้ง สถาบันนิยมใหม่ (new institutionalism) เป็นกรอบการวิเคราะห์ที่เกิดขึ้นในช่วง
ทศวรรษที่ 1980s พยายามน าหลักการของสถาบันนิยมเก่า (traditional institutionalism) สนใจเรื่องรัฐธรรมนูญ ระบบกฎหมาย และ
รูปแบบของรัฐบาล มาขยายกรอบการวิเคราะห์ในการท าความเข้าใจชีวิตทางการเมือง (political life) ทั้งในสถาบันที่เป็นทางการ (formal)
และไม่เป็นทางการ (informal) ประกอบกับการวิเคราะห์ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสถาบันและปัจเจกบุคคล ดูได้ใน Hall and Taylor (1996)
2 การคัดเลือกคนเข้าสู่สภา (legislative recruitment) เป็นแนวการศึกษาส าคัญอีกกลุ่มหนึ่งที่ท าการศึกษาเพื่อตอบค าถามว่าใครหรือกลุ่ม
ใดบ้างที่จะเข้ามาอยู่ในฝ่ายนิติบัญญัติ ปัจจัย เงื่อนไข และแรงกระตุ้นใดท าให้เกิดการแข่งขันเพื่อเข้ามาอยู่ในสภา และการจัดกลุ่มบุคคลที่
ท างานในสภา (Matthews 1984) น าไปสู่การพัฒนาการศึกษากลุ่มต่างๆ ของสมาชิกสภาในปัจจุบัน เช่น ตระกูลการเมือง (political
dynasty) การเป็นตัวแทนผู้หญิงในสภา (representation of women) เป็นต้น