Page 17 - kpi22237
P. 17

12


               การเมืองการปกครองของประเทศไทย ซึ่งกระบวนการดังกล่าวจะสะท้อนการมีส่วนร่วมในพรรคของสมาชิก

               พรรคและประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โดยเฉพาะการน าการเลือกตั้งขั้นต้น มาใช้ในกระบวนการคัดสรรผู้สมัคร
               โดยผู้สนับสนุนแนวทางนี้มีความเชื่อว่าการเลือกตั้งขั้นต้นจะสามารถแก้ไขปัญหาการไม่ยอมรับในตัวผู้สมัคร
               รับเลือกตั้ง และยังเป็นการช่วยลดการใช้อ านาจตัดสินใจอย่างผูกขาดของผู้น าหรือผู้มีอิทธิพลภายในพรรค

               การเมืองลงไปได้มากกว่าระบบการคัดสรรแบบปิด ทั้งนี้ ประเทศประชาธิปไตยแต่ละประเทศนั้นมีระบบ
               การคัดสรรที่แตกต่างกันไป ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแต่ละระบบก็มีข้อดีข้อเสียในตัวเอง


                       อย่างไรก็ดี งานวิจัยดังกล่าวของสติธรและธนพันธ์ (2560) เต็มไปด้วยความหวังที่ว่ารัฐธรรมนูญ
               ที่ก าลังด าเนินการร่างอยู่ในเวลานั้นจะมี “รูปแบบและวิธีการที่เป็นที่ยอมรับ ปฏิบัติได้จริง และส่งเสริม

               ประชาธิปไตย” (สติธรและธนพันธ์ 2560, 27) แต่หลังจากที่ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 และมี
               กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ (organic law) อย่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง
               พ.ศ. 2560 จนไปถึงการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 ที่มีค าสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบ

               เรียบร้อยแห่งชาติ ที่ 13/2561 จะพบว่าหลักการที่งานวิจัยดังกล่าวต้องการให้น าไปใช้จริงนั้น กลับถูกงดเว้น
               การด าเนินการไปอย่างน่าเสียดาย (โปรดดูบทที่ 1) ซึ่งจะเป็นสิ่งที่งานวิจัยฉบับนี้จะด าเนินการตอบค าถามว่า

               อะไรคือปัญหาและอุปสรรคจนท าให้ระบบการคัดเลือกผู้สมัครดังกล่าวไม่สามารถด าเนินการได้

                       งานศึกษาเรื่องการเลือกตั้งขั้นต้นของไทยอีกชิ้นหนึ่งคืองานของ ไชยันต์และสติธร (2563)

               ที่ด าเนินการวิเคราะห์รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง
               พ.ศ. 2560 ด้วยแนวคิดทางปรัชญาว่าด้วยเรื่องของบุคคล-คณะบุคคล-มหาชน (the one, the few, the
               many) พบว่า แนวทางดังกล่าวยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาการครอบง าการบริหารกิจการพรรคการเมือง

               โดยบุคคลหรือกลุ่มบุคคลได้อย่างจริงจัง ดูได้จากการที่พรรคการเมืองยังออกแบบให้คณะกรรมการสรรหาที่ให้
               น้ าหนักความส าคัญกับเสียงของหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคไว้อย่างชัดเจน ดูได้จากข้อก าหนดของ

               พรรคการเมือง เช่น กรรมการสรรหา 9 คน จากทั้งหมด 15 คน ของพรรคประชาธิปัตย์มาจากกรรมการบริหาร
               พรรค จ านวน 5 คน และสมาชิกที่เคยเป็นกรรมการบริหารพรรค หรืออดีตรัฐมนตรีหรืออดีตสมาชิก

               ผู้แทนราษฎร ที่หัวหน้าพรรคเลือก จ านวน 4 คน ส่วนพรรคชาติพัฒนาก าหนดให้กรรมการสรรหา 6 คน
               จากทั้งหมด 12 คน มาจากกรรมการบริหารพรรค ส่วนพรรคการเมืองใหม่ที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบ

               รัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มีการเขียนข้อบังคับพรรคที่ว่าด้วยการคัดเลือกผู้สมัคร
               ในลักษณะกว้างๆ เพื่อมิให้ขัดกับกฎหมายเท่านั้น โดยบทความดังกล่าวได้สรุปเงื่อนไขที่น าไปสู่ปัญหา
               ความล้มเหลวในการจัดเลือกตั้งขั้นต้นใน 2 ประการประกอบด้วย


                       1.) ปัญหาการเมืองภายในพรรคการเมืองไทย ที่ผู้เข้าแข่งขันยังไม่ยึดในกติกาและอาจไม่ยอมรับผล
                          ของการเลือกตั้งขั้นต้น ที่แม้ว่าตนจะแพ้ แต่ก็ต้องไปสนับสนุนคนที่ชนะได้เป็นตัวแทนพรรคไป

                          แข่งขันเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งในบทความจะใช้ค าว่า “ไม่มีน้ าใจนักกีฬา”
                       2.) ปัญหาวัฒนธรรมการเมืองไทยที่มหาชน (the many) ไม่ตื่นตัวทางการเมืองในการติดตาม

                          การแข่งขันในการคัดเลือกตัวแทนของพรรคที่ตนสนับสนุน ท าให้พรรคถูกครอบง าด้วยบุคคล
                          (the one) หรือกลุ่มบุคคล (the few)
   12   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22