Page 26 - kpi22237
P. 26

21


                       จากแผนภาพที่ 2.3 พบว่าการที่บุคคลที่พรรคให้ด าเนินการสรรหาแตกต่างกัน ตั้งแต่ประชาชนทั่วไป

               สมาชิกพรรคการเมือง ผู้แทนคัดสรรจากพรรคการเมือง ชนชั้นน าในพรรคการเมือง และหัวหน้าพรรคการเมือง
               คนเดียวเป็นคนตัดสินใจในการสรรหาตัวแทนเข้าแข่งขันเลือกตั้งนั้น ย่อมสะท้อนให้เห็นถึงโครงสร้างประชาธิป
               ไตยในพรรคการเมืองว่ามีกลไกในการมีส่วนร่วมที่นับรวม (inclusive) หรือไม่นับรวม (exclusive) คนทุกคน


                                 แผนภาพที่ 2.3 บุคคลที่พรรคให้ด าเนินการสรรหาในแต่ละรูปแบบ












                                        (ที่มา: : สรุปจาก Hazan and Rahat 2010, 35)

                        ประเด็นที่สาม “การกระจายอ านาจในการสรรหา” (decentralization) เป็นเรื่องของพื้นที่ที่จะ

               ด าเนินการสรรหาว่าจะด าเนินการในระดับใด เช่น สรรหาระดับชาติ สรรหาจากกลุ่มจังหวัด/ภูมิภาค สรรหา
               ระดับท้องถิ่น หรืออาจเริ่มจากระดับหมู่บ้านแบบพรรคมวลชน (mass party) เป็นต้น ในประเด็นนี้จะไม่ได้

               มองแค่เรื่องของพื้นที่ แต่จะมองถึงกลไกการเป็นตัวแทน (representation) ที่เกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะ
               เป็นตัวแทนพื้นที่ หรือตัวแทนกลุ่มก้อนภายในพรรคการเมือง


                           แผนภาพที่ 2.4 การกระจายอ านาจในการสรรหา ทั้งในระดับพื้นที่และระดับสังคม



























                                        (ที่มา: : สรุปจาก Hazan and Rahat 2010, 57)


                       ประเด็นสุดท้าย “ระบบการเลือกหรือสรรหา” (voting/appointment system) เป็นเรื่องของวิธีการ
               น าเสนอและขั้นตอนในกระบวนการสรรหาว่าจะมีการลงคะแนนอย่างไร นับคะแนนอย่างไร เสียงของผู้เข้ามา

               มีส่วนร่วมทุกคนเท่ากันหรือไม่ เช่น หากใช้ระบบในการคัดเลือก (appointment system) จะท าให้
               กรรมการบริหารพรรคสามารถควบคุมความเป็นหนึ่งเดียวของพรรคการเมืองได้ดีกว่าระบบการลงคะแนน
   21   22   23   24   25   26   27   28   29   30   31