Page 102 - kpi22237
P. 102
96
เท่านั้น มิได้มุ่งหวังที่จะเชื่อมโยงประชาชน และเมื่อสาขาพรรคการเมืองไม่พร้อม ย่อมท าให้มีพรรค
การเมือง “ส่วนน้อย” เท่านั้นที่จะพร้อมด าเนินการตามขั้นตอนของการเลือกตั้งขั้นต้น หรือใช้
กระบวนการสรรหาผู้ลงสมัครรรับเลือกตั้งตามกฎหมาย
3.) ด้านงบประมาณในการด าเนินการ กฎหมายพรรคการเมืองฉบับ พ.ศ. 2560 มาตรา 9 ก าหนดว่า
เพื่อประโยชน์ในการด าเนินกิจการของพรรคการเมือง พรรคการเมืองต้องมีทุนประเดิม ไม่น้อยกว่า
หนึ่งล้านบาท โดยผู้ร่วมกันจัดตั้งพรรคการเมืองทุกคนต้องร่วมกันจ่ายเงินเพื่อเป็นทุนประเดิมคนละ
ไม่น้อยกว่าหนึ่งพันบาทแต่ไม่เกินคนละห้าหมื่นบาท และการจ่ายค่าบ ารุงพรรค กฎหมายพรรค
การเมืองฉบับ พ.ศ. 2560 มาตรา 15 (15) ก าหนดว่าการจ่ายเงินค่าบ ารุงพรรคการเมือง ให้แต่ละ
พรรคก าหนดลงในข้อบังคับการประชุมโดยต้องเรียกเก็บจากสมาชิกไม่น้อยกว่าปีละหนึ่งร้อยบาทหรือ
อาจก าหนดให้เรียกเก็บค่าบ ารุงพรรคจากสมาชิกแบบตลอดชีพก็ได้ แต่ต้องไม่น้อยกว่าสองพันบาท
อย่างไรก็ตาม ในบทเฉพาะกาล มาตรา 146 ระบุว่าในการเรียกเก็บค่าบ ารุงพรรคการเมืองส าหรับปี
แรกที่กฎหมาย พรรคการเมืองฉบับนี้บังคับใช้ พรรคจะเรียกเก็บต่ ากว่าหนึ่งร้อยบาทก็ได้แต่ต้องไม่
น้อยกว่า ห้าสิบบาท ซึ่งหากหากย้อนกลับไปพิจารณากฎหมายพรรคการเมืองฉบับ พ.ศ. 2550
จะพบว่า การจัดตั้งพรรคการเมืองเป็นไปอย่าง “สะดวก” มากกว่าโดยไม่มีบทบัญญัติให้พรรค
การเมืองต้องมีทุนประเดิมแต่อย่างใด รวมถึงจะพบว่าไม่มีบทบัญญัติให้สมาชิกพรรคจะต้องจ่าย
ค่าบ ารุงพรรคแต่อย่างใดเช่นเดียวกัน
โดยสรุปจะเห็นได้ว่า ปัญหาทางกฎหมายที่เกี่ยวกับโครงสร้างของพรรคการเมืองในการพยายามเข้าสู่
รูปแบบการเลือกตั้งขั้นต้น (primary vote) นั้น ชี้ให้เห็นถึงข้อจ ากัด และบทบัญญัติที่เข้มงวดมากขึ้นในการ
ควบคุมการด าเนินกิจการของพรรคการเมืองจึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อพรรคการเมือง ทั้งที่เจตนารมณ์ใน
รัฐธรรมนูญนั้นให้ความส าคัญกับบทบาทหน้าที่ของพรรคการเมือง และสาขาพรรคการเมืองค่อนข้างมาก เนื่องจาก
กฎหมายก าหนดให้สาขาพรรคการเมืองมีส่วนในการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้งระบบเขตเลือกตั้ง และระบบบัญชี
รายชื่อ หากพรรคการเมืองใดไม่มีสาขาพรรคหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจ าจังหวัดก็ไม่มีสิทธิที่จะส่งผู้สมัคร
รับเลือกตั้งในเขตนั้นได้ โดยเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 นั้นต้องการให้
สมาชิกพรรคการเมืองได้มีส่วนร่วมในการก าหนดนโยบายและการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง อาจส่งผลให้พรรค
การเมืองแต่ละพรรคจัดตั้งสาขาพรรคกระจายไปในพื้นที่ต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นกว่าในอดีตที่ผ่านมา และถือได้ว่าเป็น
จุดเริ่มต้นส าคัญในการส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองมากขึ้น อันจะน าไปสู่การพัฒนาพรรค
การเมืองของประเทศไทยให้เป็นสถาบันทางการเมืองที่มีความเข้มแข็ง หากมีพรรคการเมืองที่มีความเข้มแข็งแล้ว
ย่อมส่งผลให้ระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทยมีความเข้มแข็งด้วยเช่นกัน
ปัญหาทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการคัดสรรผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง
การคัดเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคการเมืองนั้นมีปัญหาที่ควรพิจารณาว่าเป็นกระบวนการที่มีความ
เป็นประชาธิปไตยหรือไม่ แม้ว่ากระบวนการคัดเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคการเมืองมีความชอบธรรมตาม
หลักผู้แทนปวงชน และมีความอิสระตามหลักการของผู้แทน อันเป็นการสะท้อนความเป็นประชาธิปไตยใน