Page 103 - kpi22237
P. 103

97


               ภาพรวมการปกครองของประเทศในที่สุด ซึ่งในปัจจุบันพรรคการเมืองในประเทศไทยเริ่มประสบปัญหา

               ความไม่พอใจของสมาชิกพรรคการเมืองและประชาชนผู้สนับสนุนพรรคการเมืองเกี่ยวกับกระบวนการคัดเลือก
               ผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคการเมือง และเริ่มมีการเรียกร้องให้มีการน าวิธีการคัดเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งที่มีความ
               เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นมาใช้แทนที่การที่หัวหน้าพรรคการเมืองหรือคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง

               สามารถใช้อ านาจควบคุมหรือแทรกแซงกระบวนการคัดเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งปัญหาดังกล่าวอาจวิเคราะห์
               ได้จากบทบัญญัติพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 และจากปัญหาในทาง

               ปฏิบัติที่อาจเกิดขึ้นจากระบบการเลือกตั้งขั้นต้น (primary vote) แต่พบว่ากฎหมายดังกล่าวได้สร้างปัญหาและ
               อุปสรรคด้านการกระบวนการคัดสรรผู้ลงสมัครในการเลือกตั้งดังนี้


                       1.) ด้านระยะเวลา การที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา
                          50 (5) และมาตรา 51 (5) ได้ก าหนดให้มีการลงคะแนนเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขต
                          เลือกตั้งหรือ แบบบัญชีรายชื่อใหม่ ในกรณีที่ที่ประชุมร่วมของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง

                          กับคณะกรรมการ สรรหาไม่เห็นชอบด้วยกับผลการเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้ง โดยไม่ได้ก าหนด
                          จุดสิ้นสุดของการด าเนินการดังกล่าวไว้ อาจท าให้พรรคการเมืองไม่สามารถส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งได้

                          ภายในก าหนดเวลาที่รัฐธรรมนูญ และคณะกรรมการการเลือกตั้งก าหนดไว้ได้
                       2.) การใช้อ านาจของคณะกรรมการบริหารพรรค ในกระบวนการคัดสรรผู้ลงสมัครในการเลือกตั้งขั้นต้น

                          (Primary vote) โดยมาตรา 50 (5) วางหลักกฎหมายให้คณะกรรมการสรรหาส่งรายชื่อผู้สมัครซึ่ง
                          ได้รับคะแนนของแต่ละเขตเลือกตั้งให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองพิจารณาให้ความเห็นชอบ

                          โดยพิจารณาจากผู้มีคะแนนสูงสุดของ แต่ละเขตเลือกตั้ง หากคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง
                          ไม่เห็นชอบ ให้แสดงเหตุผลและให้พิจารณาผู้สมัครซึ่งได้คะแนนในล าดับถัดไปเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง
                          ในกรณีที่คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองไม่เห็นชอบกับรายชื่อที่สาขาพรรคการเมืองหรือ

                          ตัวแทนพรรคการเมืองประจ าจังหวัดส่งมาทั้งหมด ให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองและ
                          คณะกรรมการสรรหาประชุมร่วมกัน หากที่ประชุมร่วมกัน มีมติเห็นชอบกับรายชื่อผู้สมัครผู้ใด

                          ให้เสนอรายชื่อผู้นั้นเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง แต่ถ้าที่ประชุมร่วมกัน มีมติไม่เห็นชอบกับรายชื่อผู้สมัครที่
                          สาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจ าจังหวัด ส่งมาทั้งหมด ให้คณะกรรมการสรรหา

                          แจ้งเหตุผลให้หัวหน้าสาขาพรรคการเมือง หรือตัวแทน พรรคการเมืองประจ าจังหวัดในเขตเลือกตั้ง
                          นั้นทราบ และให้ด าเนินการตาม (1) (2) (3) และ (4) จนกว่าจะได้ผู้สมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้ง

                          นั้น โดยจากการวิเคราะห์บทบัญญัติดังกล่าว การคัดเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งยังคงอยู่ภายใต้อ านาจ
                          การตัดสินใจหรือการครอบง าของหัวหน้าพรรคการเมืองและคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง
                          อยู่เช่นเดิม แม้บทบัญญัติจะพิจารณาจากผู้มีคะแนนสูงสุดของแต่ละเขตเลือกตั้ง และเปิดโอกาสให้

                          สมาชิกของพรรคการเมืองในระดับท้องถิ่นหรือสาขาพรรคการเมืองได้มีส่วนร่วมในการเสนอชื่อ
                          ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง หรือออกเสียงเลือกผู้สมัครในที่ประชุมใหญ่ของพรรคก็ตาม แต่ผู้มีอ านาจใน

                          กระบวนการคัดสรรผู้ลงสมัครในการเลือกตั้ง คือ คณะกรรมการบริหารพรรคในระดับชาติซึ่งเป็นด่าน
   98   99   100   101   102   103   104   105   106   107   108