Page 106 - kpi22237
P. 106
100
ให้เห็นถึงเสียงของสมาชิกทุกคนโดยรวมในเขตเลือกตั้งนั้นๆ แต่ส าหรับการเลือกตั้งแบบเปิด (open primary
elections) นั้นอาจเหมาะสมกับบริบทที่สมาชิกพรรคการเมืองนั้นมีไม่มากนัก ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้
ผู้สนับสนุนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการได้ ซึ่งอาจมีการก าหนดเงื่อนไขบางประการในการคัด
กรองผู้สนับสนุน
จากปัญหาข้างต้น ได้ชี้ประเด็นในเชิงข้อกฎหมายและตัวบทที่จ าเป็นจะต้องมีการทบทวนใหม่เพื่อให้พรรค
การเมืองและกระบวนการคัดสรรผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคการเมืองได้ร่วมสร้างสถาบันทางการเมืองที่เข้มแข็ง
และปฏิบัติได้จริง และทางออกในหลายปัญหาที่เกิดขึ้นอาจมีความจ าเป็นต้องกลับไปพิจารณาพระราชบัญญัติ
ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองฉบับปี 2550 และน ามาเปรียบเทียบกับฉบับ 2560 ในปัจจุบัน เพื่อวาง
กติกาใหม่ให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น
5.4 ข้อเสนอเพื่อสร้างตัวแบบการพัฒนาระบบการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งให้เป็นประชาธิปไตย
ถึงแม้ว่ากระบวนการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรค
การเมือง พ.ศ. 2560 จะยังไม่เคยถูกน ามาใช้ในทางปฏิบัติจริง เนื่องจากการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญ
พ.ศ. 2560 คือ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 มีการออกค าสั่งหัวหน้า คสช.
ตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 ยกเว้นไม่ต้องด าเนินกระบวนการสรรหาผู้ลงสมัครรับ
เลือกตั้งตามที่ก าหนดไว้ในกฎหมาย แต่หากมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งใหม่ โดยที่ยังคงเป็นกติกา
ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 จากการศึกษาทั้งหมดในงานวิจัยนี้
ทั้งกรณีศึกษาในต่างประเทศ และการสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีส่วนได้เสียจากกติกานี้โดยตรง คณะผู้วิจัยมองว่า
จะเกิดปัญหาอีกนานัปการอันเนื่องมาจากกระบวนการนี้ คณะผู้วิจัยจึงมีข้อเสนอเพื่อการสร้างตัวแบบการพัฒนา
ระบบการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งให้เป็นประชาธิปไตย ดังนี้
1. แก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ
กระบวนการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยเฉพาะการก าหนดรายละเอียดเงื่อนไขต่างๆ ทั้งการจัดตั้ง
สาขาพรรคการเมือง หรือการตั้งตัวแทนพรรคการเมืองประจ าจังหวัดที่มีพื้นที่รับผิดชอบในเขตเลือกตั้ง
ซึ่งจะผูกโยงไปกับเงื่อนไขของการหาสมาชิกพรรคให้ถึงจ านวนที่จะสามารถด าเนินการจัดกระบวนการ
สรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งนี้ได้ ก าหนดไว้แต่ในเชิงหลักการ
2. เปิดโอกาสให้พรรคการเมืองได้ออกแบบและพัฒนากระบวนการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งเอง ซึ่งเมื่อ
เปรียบเทียบกับกรณีศึกษาพรรคการเมืองในต่างประเทศจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า กระบวนการสรรหา
ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง เป็นกระบวนการที่พรรคการเมืองออกแบบและพัฒนาเอง ไม่ใช่การก าหนดไว้ใน
กฎหมายซึ่งมีสภาพบังคับให้ทุกพรรคต้องด าเนินการเหมือนกัน โดยที่แต่ละพรรคการเมืองก็มีศักยภาพ
และทรัพยากรไม่เท่ากัน