Page 97 - kpi22237
P. 97

91


               การเมืองขนาดใหญ่เองก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกันหากจะต้องจัดกระบวนการเลือกตั้งขั้นต้นเช่นนี้ในทุกเขต

               เลือกตั้งทั่วประเทศ เพราะต้องใช้ทรัพยากรสูง

                       ในส่วนของพรรคการเมืองขนาดเล็กนั้น มีความยากล าบากมากกว่าพรรคการเมืองขนาดใหญ่เป็นอย่าง
               มาก ผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นนักการเมืองจากพรรคการเมืองขนาดเล็กได้ให้ความเห็นว่า โดยข้อเท็จจริงแล้ว ที่ระบบการ

               เมืองไทยยังไม่เข้มแข็งเพราะมีเรื่องของการใช้เงินทั้งสิ้น กระบวนการจัดตั้งสาขาพรรคการเมือง ตัวแทนพรรค
               ประจ าจังหวัด ในทางทฤษฎีนั้นก็กล่าวได้ว่าการใช้เงินในเรื่องพวกนี้ผิดกฎหมายทั้งสิ้น แต่ปฏิเสธได้หรือไม่ว่าใน

               กระบวนการเหล่านี้ตามกฎหมายจ าเป็นต้องใช้เงินในการด าเนินการทั้งสิ้น การจัดประชุมสาขาพรรค ตัวแทนพรรค
               ก็เหมือนกับการเลี้ยงข้าวคน 100 คนเป็นอย่างน้อย ขั้นต่ าที่สุดคือต้องใช้เงินหลักหมื่นเป็นอย่างน้อยแล้ว

               นอกเหนือจากทรัพยากรเงินแล้ว ในแง่ของทรัพยากรบุคคล และทรัพยากรที่ใช้ในการจัดการเรื่องต่างๆ ในการ
               ด าเนินงานของพรรคการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ก็เป็น
               อุปสรรคต่อพรรคการเมืองขนาดเล็กเช่นเดียวกัน ผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นแกนน าจัดตั้งพรรคการเมืองขนาดเล็กท่านหนึ่ง

               ที่พัฒนาจากขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมในพื้นที่ ได้ให้ข้อมูลว่า การก าหนดให้มีการต้องด าเนินการในเรื่องต่างๆ
               ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 แล้ว ท าให้พรรคการเมืองขนาดเล็กที่

               ไม่มีทรัพยากรมากนักทั้งในด้านเงินทุนและบุคลากร ต้องเสียเวลาไปกับการด าเนินการเรื่องต่างๆ ตามกฎหมาย
               มากกว่าการได้ท างานการเมืองในแบบที่ควรจะเป็น เช่น การพัฒนานโยบาย การขับเคลื่อนอุดมการณ์ ข้อเรียกร้อง

               ต่างๆ พรรคเล็กที่ไม่มีทรัพยากรมากพอที่จะจัดการทั้งเรื่องตามกฎหมายและการด าเนินการทางการเมืองก็จะ
               ประสบปัญหาเป็นอย่างมาก

               5.3 กระบวนการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง

               พ.ศ. 2560 วิเคราะห์ด้วยกรอบความคิดรวบยอด
                       เมื่อน ากรอบความคิดรวบยอด (conceptual framework) ของงานวิจัยนี้ซึ่งได้กล่าวไว้ในบทที่ 2

               ว่าการวิเคราะห์กระบวนการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งของพรรคการเมืองนั้นจะวิเคราะห์จาก 4 มิติ ได้แก่
               1) ผู้เข้ารับการสรรหา (candidacy) ว่าใครบ้างที่สามารถสมัครเข้ารับการสรรหา 2) ผู้ด าเนินการสรรหา (party

               selectorates) ว่าใครบ้างที่มีอ านาจ (authority) ที่จะเลือกผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งได้ 3) การกระจายอ านาจ
               ในการสรรหา (decentralization) ว่าอ านาจถูกกระจายไปมากน้อยแค่ไหนในกระบวนการสรรหาผู้ลงสมัคร

               รับเลือกตั้ง และ 4) ระบบการเลือกหรือสรรหา (voting/appointment system) ว่ามีการลงคะแนนเลือกอย่างไร

                       จากการวิเคราะห์จะเห็นได้ว่า กระบวนการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบ

               รัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 นั้น ในแง่ของผู้สามารถเข้ารับการสรรหาเป็นผู้ลงสมัคร คือ สมาชิก
               พรรคการเมืองเท่านั้น ส่วนผู้ด าเนินการสรรหา คือสมาชิกพรรคการเมือง ที่มาลงคะแนนเลือกผู้สมัครในการ
               ประชุมสาขาพรรคการเมือง หรือประชุมตัวแทนพรรคการเมืองประจ าจังหวัดในเขตเลือกตั้ง แต่ผลการสรรหา

               ผู้สมัครรับเลือกตั้งดังกล่าวยังมิใช่ข้อยุติ แต่ต้องให้กรรมการบริหารลงมติตัดสินใจในขั้นสุดท้าย ในแง่นี้
               ผู้ด าเนินการสรรหาคือ สมาชิกพรรคการเมืองและกรรมการบริหารพรรคการเมือง ส่วนการกระจายอ านาจ

               การสรรหานั้น พบว่า อ านาจในการสรรหานั้นไม่ได้ถูกกระจายไปยังระดับเขตพื้นที่มากนัก ถึงแม้ต้นทาง
   92   93   94   95   96   97   98   99   100   101   102