Page 92 - kpi22237
P. 92
86
5.2 ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ
จากการสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิทั้งนักการเมือง นักวิชาการ คณะกรรมการการเลือกตั้ง สื่อมวลชน
และภาคประชาสังคม เกี่ยวกับรูปแบบของกระบวนการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งที่ควรจะเป็น ส่วนหนึ่งซึ่งมี
จ านวนไม่มากเห็นว่ากระบวนการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งที่เป็นอยู่ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่า
ด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 นั้นไม่เป็นปัญหา และกระบวนการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งควรที่จะมีการ
ก าหนดไว้อย่างชัดเจนในกฎหมายเพื่อให้เป็นรูปแบบเดียวกัน เพราะหากให้แต่ละพรรคการเมืองด าเนินการกันเอง
จะเกิดปัญหามากมาย แต่อีกส่วนหนึ่งซึ่งเป็นส่วนใหญ่ที่ผู้วิจัยได้สัมภาษณ์ได้แสดงความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า
กระบวนการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันตามที่ก าหนดไว้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 นั้นจะเกิดปัญหาอย่างมากหากมีการน ามาใช้ปฏิบัติจริงในการเลือกตั้ง
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งต่อไป โดยได้สะท้อนความเห็นหลักๆ ที่พอจะจ าแนกได้เป็น 4 ประเด็น ได้แก่
1) กระบวนการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรค
การเมือง พ.ศ. 2560 ขาดความยืดหยุ่น แข็งและตายตัวเกินไป
มีหลากหลายความคิดเห็นที่มองว่า กระบวนการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบ
รัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ขาดความยืดหยุ่น ซึ่งก าหนดเงื่อนไขว่าการที่พรรคจะส่งผู้ลงสมัคร
รับเลือกตั้งได้ต้องจัดตั้ง สาขาพรรค หรือตัวแทนพรรคการเมืองประจ าจังหวัดที่มีพื้นที่รับผิดชอบในเขตเลือกตั้ง
ซึ่งก็จะผูกโยงกับเงื่อนไขจ านวนสมาชิกพรรค (500 คนขึ้นไป ในกรณีสาขาพรรค หรือ มากกว่า 100 คนขึ้นไปใน
กรณีตัวแทนพรรคการเมืองประจ าจังหวัดที่มีพื้นที่รับผิดชอบในเขตเลือกตั้ง ประกอบกับตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.
2560 ที่ก าหนดให้ใช้ระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสม (Mixed-Member Apportionment) ที่มีบัตรเลือกตั้ง
เพียง 1 ใบ แต่ถูกนับคะแนนทั้งในเขตเลือกตั้งและบัญชีรายชื่อ ด้วยระบบเลือกตั้งนี้เองที่บังคับโดยพฤตินัยให้
พรรคการเมืองต้องส่งผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งให้ได้จ านวนมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพราะถึงแม้ว่า
จะไม่ชนะและได้รับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้ง แต่คะแนนดังกล่าวก็จะยังถูกน าไปนับรวมเป็นคะแนนบัญชีรายชื่อของ
พรรคการเมืองต่อไป แต่ทว่าการจะส่งผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้น ก็จะย้อนกลับไปที่เงื่อนไขตาม
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ที่ก าหนดให้พรรคการเมืองต้องจัดตั้งสาขา
พรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจ าจังหวัดในเขตเลือกตั้ง และหาสมาชิกพรรคให้ได้ตามที่กฎหมาย
ก าหนด เพื่อให้สามารถด าเนินการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งได้ แต่ปัญหาที่จะเกิดจากกระบวนการสรรหา
ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งนี้ยังไม่เกิดเพราะมีค าสั่งหัวหน้า คสช. ตามมาตรา 44 ยกเว้นกระบวนการดังกล่าวไว้ในการ
เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 24 มีนาคม พ.ศ. 2562
ความเห็นจากผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นนักการเมืองจากทั้งพรรคการเมืองขนาดใหญ่ พรรคขนาดกลาง
และพรรคขนาดเล็ก มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า การก าหนดรายละเอียดเรื่องกระบวนการสรรหาผู้ลงสมัคร
รับเลือกตั้งไว้มากในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 เป็นอุปสรรคส าคัญต่อ
การด าเนินการ เพราะเป็นเงื่อนไขที่ไม่ได้สะท้อนความเป็นจริงในระดับเขตพื้นที่ และเป็นกระบวนการที่พรรค
การเมืองแทบจะท าไม่ได้ โดยเฉพาะพรรคการเมืองขนาดเล็กที่ประสบปัญหาอย่างมากในการหาสมาชิกพรรคให้ได้