Page 90 - kpi22237
P. 90
84
และคณะบุคคลที่พรรคตั้งไว้ให้สรรหาผู้สมัคร เพื่อกลั่นกรองบุคคลในการเป็นตัวแทนพรรคการเมืองในการแข่งขัน
เลือกตั้งทั่วไป โดยมีรูปแบบแตกต่างกันตามตารางนี้ (Cross et.al 2016, 179) ถือว่าเป็นกระบวนการที่ต้องมีการ
ด าเนินการอย่าง “ต่อเนื่อง” เป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง ไม่จบแค่วันเดียวอย่าง “วันเลือกตั้ง” (election day) ปัจจัย
ดังกล่าวน าไปสู่ข้อถกเถียงเรื่องข้อดีและข้อจ ากัดเมื่อน าไปใช้ในประเทศต่างๆ ผ่านงานศึกษาของ Coller and
Cordero (2017, 276) ดังนี้
ข้อดีของการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งขั้นต้น (primaries)
1.) สร้างกลไกส าหรับการมีส่วนร่วมทางการเมืองมากขึ้น
2.) พลเมืองเข้ามามีส่วนร่วมกับพรรคการเมืองมากขึ้น
3.) สร้างความตื่นตัวแบบรวมหมู่ (collective effervescence) เพื่อให้พลเมืองได้มีประกฎการณ์ร่วมกัน
ในการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง
4.) เสริมสร้างภาพลักษณ์ของพรรคการเมืองต่อสาธารณะ ว่าเป็นองค์การที่รับฟังเสียงของประชาชน
อย่างมีระบบ
5.) พัฒนากลไกการท างานภายในพรรคการเมือง ให้โปร่งใสและยึดในหลัก “กติกาเหนือบุคคล” มากขึ้น
6.) เสริมสร้างประชาธิปไตยภายในพรรคการเมือง
ข้อจ ากัดของการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งขั้นต้น
1.) อาจเกิดความแตกแยกในพรรคการเมือง จนท าให้ทิศทางผู้น าและนโยบายพรรคแตกต่างกันตั้งแต่
แรก
2.) อาจเกิดการแทรกแซงกฎกติกาและการโกงภายในพรรค เช่น การมีกลุ่มชนชั้นน าในพรรคที่มีวาทศิลป์
ได้แย่งชิง (hijack) กระบวนการมีส่วนร่วมดังกล่าวให้เป็นเครื่องมือของกลุ่มตนในการครอบง าพรรค
การเมือง เป็นต้น (Cross et.al 2016, 8)
3.) “คุณภาพ” ในการมีส่วนร่วมทางการเมือง ที่ไม่สามารถรับประกันได้ว่าการมีส่วนร่วมจะท าให้พรรค
การเมืองก้าวหน้าขึ้น หรืออาจเกิดความเห็นที่มีคุณภาพต่ า (low quality participation) ขึ้นได้
(Cross et.al 2016, 8)
4.) ปัญหาการควบคุมดูแลกระบวนการเลือกตั้งขั้นต้นให้ทั่วถึง เพราะกฎหมายเลือกตั้งมักเน้นที่
การเลือกตั้งทั่วไป มากกว่าการเลือกตั้งขั้นต้น (Cross et.al 2016, 9)
5.) ผลลัพธ์ในการได้ตัวแทนอาจเกิดความไม่สมดุล เพราะบางกลุ่มเสียงดังกว่ากลุ่มอื่น
6.) ปัญหาเรื่องการเงินภายในพรรค ที่เป็นข้อจ ากัดหลักในการท ากิจกรรมที่ “ยังไม่ใช่” การเลือกตั้งทั่วไป
เพราะผู้สมัครต้องเสียต้นทุนถึง 3 ด้านก่อนเลือกตั้งอยู่แล้ว คือ ต้นทุนในการเตรียมตัวสมัคร
รับเลือกตั้ง ต้นทุนในการหาเสียง และต้นทุนในการตรวจสอบจัดการการใช้เงินไม่ให้ผิดกฎหมาย
(Cross et.al 2016, 160-163)
7.) ความรับผิดชอบต่อสาธารณะ (accountability) ของผู้ได้รับเลือกที่ไม่ชัดเจน