Page 91 - kpi22237
P. 91
85
8.) การคัดเลือกหรือระดมกลุ่มเฉพาะเพื่อมาลงคะแนน มากกว่าการเปิดให้มีส่วนร่วมกับสมาชิกทุกคน
และอาจเกิดปัญหาในลักษณะของ “การปล้นสะดมพรรคการเมือง” (party raiding) ที่พรรคการเมือง
คู่แข่งส่งคนเข้าไปแสดงความเห็นที่สร้างความวุ่นวายให้กับการท าไพรมารีของอีกพรรคการเมืองหนึ่ง
เพื่อให้บุคคลที่มีโอกาสชนะเลือกตั้งทั่วไป แพ้ตั้งแต่การเลือกตั้งขั้นต้น (Cross et.al 2016, 112) เป็น
ต้น
แม้ว่าในข้อถกเถียงข้างต้นอาจพบข้อจ ากัดหลายด้านและไม่มีสิ่งใดรับประกันได้ว่ากระบวนการสรรหา
ผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคการเมืองจะช่วยสร้างประชาธิปไตยให้ดีขึ้นอย่างชัดเจน โดยงานศึกษาเรื่อง
Participation in Party Primaries: Increase in Quantity, Decrease in Quality ของ Rahat and Hazan
(2007) ได้ชี้ประเด็นส าคัญว่าการสร้างการนับรวมคนทุกคน (inclusiveness) ไม่ได้หมายความว่าจะต้องน าไปสู่
การมีส่วนร่วมที่มีคุณภาพเสมอไป เพราะหลายครั้งการที่คนจ านวนมากมาร่วมแสดงความเห็นอาจท าให้เกิด “การ
มีส่วนร่วมที่มีคุณภาพต่ า” (low quality participation) ได้ ถ้าไม่มีการออกแบบกลไกเชิงสถาบันที่คอยตรวจสอบ
กระบวนการมีส่วนร่วมดังกล่าว ด้วยเหตุนี้ การออกแบบสถาบันทางการเมืองเพื่อเป็นกติกาส าหรับการมีส่วนร่วม
ทางการเมืองจึงมีส่วนส าคัญอย่างมาก ที่จะท าให้การมีส่วนร่วมเป็นธรรม (fair) ส าหรับทุกความเห็น (Cross et.al
2016, 9; วีระ 2562) หรือกล่าวอย่างง่ายได้ว่าการมีกระบวนการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคการเมืองอย่าง
น้อยจะช่วยท าให้เห็นช่องโหว่ของประชาธิปไตย และจะเปิดทางให้มีการพัฒนาสถาบันการเมือง เช่น
พรรคการเมือง รัฐธรรมนูญ และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ (organic law) เป็นต้น เพื่อท าให้กติกาดังกล่าว
เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ “กระบวนการในการคัดเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้ง” เป็นกลไกส าคัญที่จะชี้ให้เห็นว่า
“พรรคการเมือง” แตกต่างจากองค์การทางการเมืองอื่นๆ เช่น กลุ่มผลประโยชน์ นักล็อบบี้ หรือกลุ่มที่ปรึกษา
เสนอแนะนโยบาย (advocacy group) เป็นต้น (Cross and Young 2013)
ความส าคัญในการเลือกตั้งขั้นต้นเพื่อคัดสรรผู้สมัครให้เป็นตัวแทนพรรคจึงไม่ใช่กติกาที่น ามาใช้แล้วจะเกิด
“ชัยชนะที่รวดเร็ว” (quick win) แต่อย่างน้อยที่สุดกระบวนการดังกล่าวได้การสร้างความเชื่อมโยงระหว่าง
ประชาชนและสมาชิกพรรค ให้สามารถที่จะเสนอชื่อ (nomination) ผู้สมัครของพรรคได้ ซึ่งผู้สมัครของพรรค
การเมืองที่ได้รับเลือกตั้งก็จะเป็นผู้ก าหนดทิศทาง เนื้อหา และรูปแบบที่พรรคการเมืองนั้นจะบรรลุวัตถุประสงค์
ท าให้ต้นทางของการให้ผู้สมัครดังกล่าวมีความยึดโยงกับประชาชนหรือสมาชิกพรรค จะท าให้องค์การพรรค
การเมืองถูกก าหนดอนาคตอย่างมีส่วนร่วมระหว่างฐานมวลชนของพรรคกับชนชั้นน าภายในพรรค (Cross et.al
2016, 5) ซึ่งเป็นการสร้างการเมืองส่วนร่วมทางการเมืองไปพร้อมกับการพัฒนาสถาบันทางการเมืองให้เป็น
ประชาธิปไตยมากขึ้นกว่าเดิม