Page 93 - kpi22237
P. 93
87
ตามที่ก าหนดในกฎหมาย การก าหนดไว้ในกฎหมายตายตัวเช่นนี้จึงเปรียบเสมือนว่าเป็นการน ากรอบทางกฎหมาย
มาครอบเพื่อให้เกิดผลลัพธ์อย่างที่คาดหวัง กล่าวอีกนัยหนึ่ง เป็นการเขียนกฎหมายเพื่อ “บังคับ” ให้เกิดพัฒนาการ
ของพรรคการเมืองเช่นว่านั้น แต่พรรคการเมืองไม่ได้มีพัฒนาการเติบโตขึ้นจากฐานของพรรคการเมืองเอง
ในท้ายที่สุดเมื่อกฎหมายก าหนดให้ท าเช่นนี้ พรรคการเมืองต่างๆ จึงต้องท าตามเพื่อให้ครบถ้วนตามกฎหมาย และ
จะได้สามารถด าเนินกระบวนการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง และส่งผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งต่างๆ ได้
ในที่สุด ในแง่นี้ กระบวนการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งที่ก าหนดไว้ตามกฎหมายนั้นจึงเป็นแต่เพียง “พิธีกรรม”
ที่พรรคการเมืองต้องด าเนินการให้ครบถ้วน แต่ไม่ได้เกิดคุณค่าในเชิงกระบวนการมีส่วนร่วมทางการเมืองของ
ประชาชน
นอกจากนี้ กระบวนการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งที่ก าหนดไว้ในกฎหมายนั้นก็มิใช่ “การเลือกตั้ง
ขั้นต้น” อย่างแท้จริง เพราะในท้ายที่สุดเมื่อพรรคด าเนินกระบวนการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้ง
ต่างๆ จนได้ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งแล้ว ก็ต้องเสนอชื่อไปที่กรรมการบริหารพรรคในการลงมติอีกอยู่ดี ผู้ทรงคุณวุฒิ
รายหนึ่งให้ค าจ ากัดความว่าเป็นกระบวนการเลือกตั้งขั้นต้นที่ไม่สุด เพราะสุดท้ายก็มาติดที่กรรมการบริหารพรรค
อีกอยู่ดี หากไม่เห็นชอบด้วยกับรายชื่อที่เสนอมาสุดท้ายก็ต้องกลับไปท าใหม่ ค าถามส าคัญที่ตามมาคือ เมื่อเป็น
เช่นนี้แล้วกระบวนการเลือกตั้งขั้นต้นแบบนี้จะท าไปเพื่ออะไร เพราะยิ่งท าให้เกิดขั้นตอนเพิ่มขึ้นอีก และก็ไม่ได้
สะท้อนเจตนารมณ์ของการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนได้อย่างแท้จริง
ในมุมของผู้เล่นภายใต้กติกานี้ จากการสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิจากพรรคการเมืองทั้งพรรคขนาดใหญ่
พรรคขนาดกลาง และพรรคขนาดเล็ก เห็นคล้ายกันว่า ควรแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรค
การเมือง พ.ศ. 2560 ในส่วนที่เกี่ยวกับการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง เพราะมองว่ามีรายละเอียดมากเกินไปและ
ไม่สามารถท าได้จริง ควรเขียนในเชิงหลักการไว้กว้างๆ ว่าพรรคการเมืองด าเนินการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง
โดยค านึงถึงการมีส่วนร่วม ส่วนในรายละเอียดหรือกลไกในการจัดกระบวนการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง
ควรเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองได้ไปออกแบบ คิดค้น และพัฒนากลไกและกระบวนการของพรรคต่างๆ เอง
ว่าใครสามารถเลือกได้บ้าง กระบวนการเลือกเป็นอย่างไร อ านาจการตัดสินใจเป็นอย่างไร ให้พรรคไปด าเนินการ
กันเองจะดีกว่าการที่กฎหมายมาก าหนดให้ท าอย่างในปัจจุบัน และที่ส าคัญ การเปิดกว้างนี้หมายความรวมถึงว่า
ไม่ควรก าหนดบทลงโทษแก่พรรคการเมืองที่ไม่ด าเนินกระบวนการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งแบบการเลือกตั้ง
ขั้นต้น หรืออาจจะลดเงื่อนไขต่างๆ ลงว่า แทนที่จะต้องท าทุกเขตเลือกตั้ง ให้ท าแต่เฉพาะในระดับภาคได้หรือไม่
โดยใช้กลไกของพรรคการเมืองในระดับภาค เช่น คณะกรรมการภาค ด าเนินการ การเปิดโอกาสให้พรรคการเมือง
ได้ด าเนินการเอง ก็อาจจะค้นพบรูปแบบการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งที่เหมาะสมก็ได้
ในทางกลับกัน ถึงแม้ว่ากระบวนการเลือกตั้งขั้นต้นตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรค
การเมือง พ.ศ. 2560 อาจจะมีปัญหาในการปฏิบัติจริงหากน ามาใช้ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้ง
ต่อไป แต่ในมุมของผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นนักวิชาการและสื่อมวลชนที่ติดตามปรากฏการณ์การเมืองไทยมาอย่าง
ยาวนาน มองว่า ถึงที่สุดแล้ว หากน ากติกาเช่นนี้มาใช้จริง พรรคการเมืองและนักการเมืองก็สามารถหาวิธีการและ
หนทางด าเนินการให้ครบถ้วนตามกฎหมายเพื่อส่งผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้