Page 293 - kpi21190
P. 293
293
ขนาดใหญ่ ขนาดกลางล้วนแต่กระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล เป็นต้น ส่งผลให้
ประชากรจำนวนนับล้านคนอพยพย้ายถิ่นเข้ามาแสวงหาโอกาสที่ดีกว่าในเมือง
ความเป็นเมืองของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมถึงเมืองใหญ่อีกหลายเมือง
สะท้อนถึงความเจริญที่ยังมีลักษณะของการกระจุกตัวมากกว่ากระจายตัว และแม้ว่าเมืองใหญ่
เหล่านี้จะเป็นแหล่งสร้างความเจริญทางเศรษฐกิจของประเทศและเป็นแหล่งสร้างงานให้
คนจำนวนมากก็ตาม แต่ในอีกด้านหนึ่งกลับพบว่า มีความเหลื่อมล้ำที่ซ่อนอยู่ในเมืองเหล่านี้
มีงานวิจัยของ ณัฐวุฒิ อัศววิทวงศ์ และฐิติวัฒน์ นงนุช ในโครงการ ปริทัศน์ความรู้เรื่อง
ความเหลื่อมล้ำในเมืองศูนย์กลาง พบว่า มีความเหลื่อมล้ำในเมืองศูนย์กลางอยู่ 3 ประการ
ได้แก่ (ณัฐวุฒิ อัศววิทวงศ์ และฐิติวัฒน์ นงนุช, 2558)
ประการแรก ความเหลื่อมล้ำด้านโอกาสในการเข้าถึงปัจจัยการผลิต โดยที่ผู้ประกอบการ
รายใหญ่ไม่กี่รายถือครองปัจจัยการผลิตมากจนกลายเป็นผู้ควบคุมและการกำหนดการพัฒนา
ไปในที่สุด
ประการที่สอง ความเหลื่อมล้ำด้านอำนาจและการเมืองในการเข้าถึงการบริหารจัดการ
เมือง เมืองศูนย์กลางมีลักษณะของความเป็นพื้นที่ทางการเมือง (Space of Politics) สูง และ
มีแนวโน้มโครงสร้างการบริหารและการพัฒนาเมืองศูนย์กลางที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนในเชิง
อำนาจตามไปด้วย
ประการที่สาม ความเหลื่อมล้ำเชิงสังคมและโอกาสสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ความเหลื่อมล้ำ
ทางรายได้ที่มีสาเหตุมาจากการกระจายรายได้ที่ไม่เป็นธรรมในสังคม เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้
เกิดลำดับขั้นและชนชั้นทางสังคม (Social Class) โดยชนชั้นทางสังคมที่เกิดขึ้นนี้ มักจะนำไปสู่
อาการของความเหลื่อมล้ำทางสิทธิและโอกาสด้วย
ในระยะแรก ๆ ของการพัฒนาประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ ฉบับที่ 1
(พ.ศ. 2504 - 2509) โดยแรงงานที่อพยพจากชนบทสู่เมืองและมาทำงานใช้แรงงานมักอาศัย
อยู่ในชุมชนที่อยู่กันอย่างแออัดและมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ในระยะหลังชุมชนแออัด
กลับมีแนวโน้มลดลงเพราะมีการไล่รื้อชุมชนแออัดเพื่อพัฒนาเป็นพื้นที่สาธารณะหรือเพื่อธุรกิจ
(กรณีเป็นพื้นที่เอกชน) และมีการพบว่า คนที่อยู่ในชุมชนแออัดหรือสลัมกลับเป็นคนที่อาศัยอยู่
ในเมืองมานานแล้วมากกว่าที่จะเป็นผู้อพยพใหม่มาจากชนบท และคนในชุมชนแออัดไม่ใช่
คนจน โดย โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการมูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย
ให้ความเห็นว่า
“คนสลัมส่วนมากในกรุงเทพและปริมณฑลมีบ้านเป็นของตนเองบนที่ดินเช่า (เป็น
ส่วนใหญ่) ในราคาแสนถูก หรือไม่ก็บุกรุกที่ดินคนอื่นฟรี ๆ แล้วสร้างบ้าน (เป็นส่วนน้อย) การประชุมกลุ่มย่อยที่ 5
การมีบ้านสะท้อนฐานะที่ชัดเจนเพราะถ้าต้องเช่าบ้าน ค่าเช่าอย่างน้อยก็เป็นเงิน 1,500 บาท
ต่อห้องเล็ก ๆ ห้องหนึ่ง ถ้าเช่าบ้านสลัมทั้งหลังคงไม่ต่ำกว่า 2,500 บาท ถ้าเราเอาค่าเช่า