Page 237 - kpi21190
P. 237

237



                  ทั้งฝ่ายวิชาการ และผู้กำหนดนโยบายในระดับต่างๆ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่สำคัญ

                  คือการแปลงฉันทามติดังกล่าวให้กลายเป็นการขับเคลื่อนเชิงนโยบาย ซึ่งมีนัยสำคัญคือ
                  การปรับเปลี่ยนแนวนโยบายทางเศรษฐกิจที่สำคัญหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นแนวนโยบาย
                  แบบเสรีนิยมใหม่ การดำเนินนโยบายกระจายทรัพยากร ทั้งการจัดเก็บภาษี การดำเนิน
                  นโยบายสวัสดิการ ฯลฯ การเปลี่ยนแปลงในเชิงนโยบายเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถดำเนิน

                  การได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากผู้ได้ประโยชน์จากนโยบายเหล่านี้แม้ไม่มีจำนวนที่มากนัก
                  แต่ล้วนแล้วแต่ทรงอิทธิพลทั้งในทางเศรษฐกิจและการเมือง ทั้งภายในประเทศและระดับ
                  ระหว่างประเทศ


                  ว่าด้วยการศึกษากระบวนการประชาธิปไตย และความเหลื่อมล้ำ

                       จากการทบทวนการศึกษาในเรื่องกระบวนการประชาธิปไตย และการศึกษาความเหลื่อมล้ำ

                  จะพบความน่าสนใจประการหนึ่ง นั่นคือ ขณะที่ในการศึกษากระบวนการประชาธิปไตย ปัจจัย
                  เรื่องความเหลื่อมล้ำเพิ่งจะได้รับความสนใจเมื่อไม่นานมานี้ แต่ในการศึกษาความเหลื่อมล้ำ
                  โดยเฉพาะโดยนักเศรษฐศาสตร์ ปัจจัยเรื่องประชาธิปไตยถูกมองโดยนัยว่าเป็นองค์ประกอบ
                  ประการหนึ่งที่จะส่งผลต่อทิศทางของความเหลื่อมล้ำ สิ่งนี้ปรากฏให้เห็นในงานของคุซเนตส์

                  ที่สะท้อนว่า การขยายตัวของชนชั้นที่มีรายได้ต่ำในเมืองจะเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญที่จะทำให้
                  รัฐบาลต้องหันมาให้ความสำคัญกับการปกป้องคุ้มครองสวัสดิการของประชาชน และขยายผล
                  ในเชิงบวกของการพัฒนาเศรษฐกิจไปสู่ภาคส่วนต่างๆของสังคม (Kuznets, 1955) หรือหาก
                  มองในมุมมองต่อยอดงานของคุซเนตส์ ที่เสนอโดยดารอน อเซโมกลู (Daron Acemoglu)

                  และ เจมส์ โรบินสัน (James Robinson) ได้ระบุว่าจากปัญหาความเหลื่อมล้ำอันเกิดมาจาก
                  กระบวนการพัฒนาเศรษฐกิจจะสร้างแรงกดดันทางการเมืองตามมา โดยเฉพาะต่อกลุ่มชนชั้นนำ
                  แรงกดดันนี้หากเกิดขึ้นในรัฐที่เป็นเผด็จการอำนาจนิยมจะส่งผลทำให้รัฐบาลยอมผ่อนคลาย
                  อำนาจหรือกระทั่งยอมเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตย เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ความรุนแรง

                  ในลักษณะของการปฏิวัติ และภายใต้สถานการณ์ดังกล่าวรัฐบาลแบบประชาธิปไตยมักจะต้อง
                  ดำเนินนโยบายกระจายทรัพยากรเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ (Acemoglu and Robinson, 2002)
                  ดังที่จะชี้ให้เห็นในส่วนถัดมา งานที่เชื่อมโยงการศึกษากระบวนการประชาธิปไตย และ
                  ความเหลื่อมล้ำในยุคถัดมา ได้รับอิทธิพลจากงานของคุซเนตส์ ไม่มากก็น้อย


                       ในการทบทวนงานชิ้นสำคัญที่เชื่อมโยงสองสิ่งนี้เข้าด้วยกัน ผู้เขียนจะมุ่งเน้นไปที่งาน
                  สำคัญ 2 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ กลุ่มงานที่อาจเรียกรวมได้ว่าเป็นงานที่สำรวจปัจจัยเชิงเศรษฐกิจ
                  ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของระบอบการเมือง อันได้แก่ งานของคาร์เลส บอร์ส (Carles
                  Boix) งานของดารอน อเซโมกลู และเจมส์ โรบินสัน และงานกลุ่มที่สองที่ให้ความสำคัญกับ

                  ปัจจัยทางการเมืองที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของระบอบ โดยงานกลุ่มนี้ตั้งคำถามกับ            การประชุมกลุ่มย่อยที่ 3
                  ความเชื่อมโยงระหว่างความเหลื่อมล้ำ ซึ่งมองว่าเป็นปัจจัยทางเศรษฐกิจ กับกระบวนการ
                  ประชาธิปไตย พร้อมทั้งชี้ให้เห็นถึงปัจจัยทางการเมืองอื่นๆที่ส่งผลต่อกระบวนการ
   232   233   234   235   236   237   238   239   240   241   242