Page 74 - kpi20899
P. 74

“การถอดบทเรียนชุมชนเพื่อการปฏิรูปกระบวนการจัดการทรัพยากร : พลวัตแห่งการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรน ้า
                        ในพื นที่ต้าบลหนองพันจันทร์ อ้าเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี”  โดย  ดร.ปริชัย ดาวอุดม และนายเจษฎา เนตะวงศ์







                             ปัญหาที่สาม  ปัญหาการซ่อมบ้ารุงที่ล่าช้า จากปัญหาการที่มีท่อแตก ท่อช้ารุดหรืออุปกรณ์

                  ใดๆ เกิดความเสียหาย ในระยะแรกกรมชลประทานจะต้องอาศัยระยะเวลาที่ค่อนข้างยาวนานในการแก้ไข

                  ปัญหากล่าวคือ ต้องมีการรอท้าเรื่องทางธุรการเพื่อเบิกจ่ายอุปกรณ์ ค่าจ้าง ค่าซ่อม ค่าขุด ท้าให้การ

                  ด้าเนินการเป็นไปอย่างล่าช้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ใช้น้้าที่อาศัยการสูบจากเครื่องสูบแรงดันสูง จะมีการ

                  สูบน้้าใช้เพียงฤดูกาลละไม่กี่เดือน และแต่ละเส้นทางของท่อก็จะได้รับน้้าเพียงไม่กี่วันในแต่ละสัปดาห์

                  การซ่อมแซมที่ล่าช้าบางครั้งท้าให้พืชผลทางการเกษตรไม่ได้น้้าไปตลอดฤดูกาล ส่งผลต่อปริมาณผลผลิต

                  หรือน้าไปสู่การสูญเสียผลผลิตไปทั้งหมด ชาวบ้านผู้ใช้น้้าและคณะกรรมการจึงได้มีการประชุมปรึกษาหารือ

                  กันว่า จ้าเป็นที่จะต้องหาทางแก้ไข ซึ่งทางแก้ไขก็คือการที่ผู้ใช้น้้าจะร่วมกันจ่ายค่าบ้ารุงเป็นรายเดือนและ

                  ในค่าบ้ารุงนี้ จะมีการหักไว้ส่วนหนึ่งเพื่อใช้ในการซ่อมแซมระบบท่อต่อไป



                                 “เส้นแรกที่เขามา 33 หัวจ่าย ท่อแตกบ่อยมาก แตกไป 19 ครั งใน 1 ปี
                         ด้วยสาเหตุไรไม่รู้...ตอนนั นก็แตกเยอะ ชลประทานก็ซ่อม100% พอเข้าปีที่ 2 ชลประทาน

                         ไม่ซ่อมทั งหมดแล้ว เราก็ใช้เงินจากกลุ่มใหญ่มาจ่ายค่าขุด 2,500 บาท แล้วก็ใช้เงิน 300
                         บาท จากกลุ่มเล็กเป็นค่าอาหารเลี ยงดู ส่วนอะไหล่ก็ยังใช้จากของชลประทานอยู่ ผมมอง

                         ว่าเป็นความเข้มแข็งที่ต่างฝ่ายก็วิน วิน รัฐกับประชาชนแล้วก็กลุ่ม” (สัมภาษณ์คุณไตรภพ

                         23มิถุนายน 2560)


                             ปัญหาสุดท้าย  ภาวการณ์พึ่งพางบประมาณค่ากระแสไฟฟ้าส้าหรับเครื่องสูบน้้า แม้ว่าการ

                  สูบน้้าจะเป็นหน้าที่ของกรมชลประทานที่จะจัดเจ้าหน้าที่มาดูแลโดยตรง และเป็นผู้จ่ายค่ากระแสไฟฟ้า

                  มาโดยตลอด แต่อย่างไรก็ตามกรมชลประทานเองก็มีแนวนโยบายที่จะให้ผู้ใช้น้้าได้ดูแลรับผิดชอบการจ่าย

                  ค่ากระแสไฟฟ้าเอง ซึ่งผลจากการปรึกษาหารือกันในการเก็บค่าบ้ารุง นอกจากเพื่อหักไว้เป็นค่าซ่อมแซม

                  เมื่อระบบเสียหายแล้ว อีกส่วนหนึ่งยังถูกน้ามาใช้ในการจ่ายค่ากระแสไฟฟ้า ท้าให้ทางกรมชลประทาน

                  ไม่ต้องรับผิดชอบค่าไฟฟ้าทั้งหมด คงเหลือเพียงบางส่วนที่กลุ่มผู้ใช้น้้ายังไม่มีก้าลังทรัพย์มากพอที่จะจ่าย

                  ค่าไฟให้ได้เท่านั้น


                                 “ปีแรกชลประทานออกค่าไฟร้อยเปอร์เซ็นต์  ปีที่ 2 ก็เลยต้องมีการเก็บค่าไฟ

                         ในระบบปั๊มปิ้ง เก็บหัวละ 300 ใช้ครบ 8 วัน เดือนหนึ่งปั๊ม 4 ครั งในช่วงหน้าแล้ง
                         เก็บ 300 ใช้ได้ทั งวัน ถ้าวันศุกร์สิ นเดือนเปิดลงบ่อ เก็บ 100 บาทต่อหัว เป็นกติกา

                         ของกลุ่มใหญ่” (สัมภาษณ์พี่เด่น 15 พฤษภาคม 2560)








                                                            73
   69   70   71   72   73   74   75   76   77   78   79