Page 70 - kpi20899
P. 70

“การถอดบทเรียนชุมชนเพื่อการปฏิรูปกระบวนการจัดการทรัพยากร : พลวัตแห่งการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรน ้า
                        ในพื นที่ต้าบลหนองพันจันทร์ อ้าเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี”  โดย  ดร.ปริชัย ดาวอุดม และนายเจษฎา เนตะวงศ์







                  ซึ่งการสร้างระบบดังกล่าวนั้นเกิดจากการเริ่มปรึกษาหารือกันของผู้น้าชุมชน โดยเฉพาะการที่ผู้น้าชุมชน

                  ได้ไปศึกษาเรียนรู้มาจากพื้นที่โครงการพระราชด้าริหลายแห่ง จึงท้าให้พบว่าระบบที่กล่าวถึงนี้จะต้อง

                  เริ่มจากการเก็บข้อมูลปริมาณน้้าในปีที่มีน้้าต้นทุนเข้าสู่อ่างเก็บน้้าเต็มปริมาตรความจุของเขื่อน มีการสร้าง

                  มาตรวัดน้้า เก็บข้อมูลและตรวจสอบมาตรวัดดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถค้านวณได้ว่า

                  เมื่อปล่อยน้้าจนระดับน้้าลดลงไปกี่ขีดกี่เซนติเมตรจะเหลือปริมาตรน้้าในเขื่อนเท่าใด แม้ว่าการเก็บข้อมูลนี้

                  อาจต้องท้าหลายครั้งและหลายปี ก็เป็นข้อมูลที่ทุกคนในชุมชนต้องรับรู้ร่วมกัน  การที่ชาวหนองพันจันทร์

                  ส่วนหนึ่งประกอบอาชีพปลูกพืชประเภทอ้อย ท้าให้ชาวบ้านกลุ่มนี้มีความสัมพันธ์อันดีกับสมาคมชาวไร่

                  อ้อยและโรงงานน้้าตาล ซึ่งแน่นอนว่าโรงงานน้้าตาลเองมีความต้องการผลผลิตจากชาวไร่ในปริมาณมากขึ้น

                  เรื่อยๆ และด้วยระบบการบริหารจัดการของสมาคมชาวไร่อ้อยที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพท้าให้ชาวไร่อ้อย

                  สามารถเสนอความคิดเห็นและความต้องการของตนเองเข้าสู่วาระการพิจารณาของสมาคมได้ วาระหนึ่ง

                  ที่ชาวไร่อ้อยในพื้นที่หนองพันจันทร์ร่วมกันผลักดันก็คือความต้องการในการใช้น้้าจากอ่างเก็บน้้าห้วยมะหาด

                  ซึ่งมีข้อมูลทางวิชาการสนับสนุนว่าหากไร่อ้อยในพื้นที่หนองพันจันทร์ได้น้้าในช่วงฝนทิ้งช่วงจะสามารถ

                  เพิ่มปริมาณการผลิตจาก 6-7 ตันต่อไร่ เป็น 10 กว่าตันต่อไร่ จากความพยายามผลักดันวาระดังกล่าวท้าให้

                  สมาคมไร่อ้อยและโรงงานน้้าตาลในพื้นที่ได้เสนอให้ชาวบ้านได้ช่วยกันส้ารวจความต้องการและน้าข้อมูล

                  ประกอบเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีสมาคมชาวไร่อ้อยและโรงงานน้้าตาลให้การสนับสนุน


                             อย่างไรก็ตามในการต่อสู้เพื่อให้ได้ใช้น้้าในระยะแรกของชาวหนองพันจันทร์นี้ ก็ไม่ได้ราบรื่น

                  แม้ว่าจะมีหน่วยงานภาคเอกชนให้การสนับสนุน เนื่องจากถูกบ่ายเบี่ยงด้วยข้อจ้ากัดด้านงบประมาณและ

                  ข้อมูลที่น้าเสนอไม่เพียงพอ จนในที่สุดผู้น้าชุมชนก็ยังไม่ลดละความพยายามประกอบกับสมาคมชาวไร่อ้อย

                  ให้การสนับสนุนจึงมีการระดมชาวบ้านมาร่วมกันท้าข้อมูลและถ่ายท้าเป็นภาพยนตร์กึ่งสารคดี น้าเสนอ

                  ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนในที่สุดภาครัฐได้อนุมัติงบประมาณในการสร้างระบบจัดส่งน้้าทางท่อโดยใช้

                  แรงดันสูงหรือที่ชาวบ้านเรียกกันอย่างติดปากว่าระบบ “ปั๊มปิ้ง” (pumping) เป็นเงินงบประมาณราว 100

                  ล้านบาท ครอบคลุมพื้นที่กว่า 3,000 ไร่ ซึ่งชาวบ้านต่างก็ร่วมใจกันยอมให้แนวท่อผ่านที่ดินตนเอง และ

                  ผู้น้าชุมชนก็ช่วยกันก้าหนดแนว รวมถึงอ้านวยความสะดวกให้กับหน่วยงานที่จะเข้ามาฝังท่อในพื้นที่


                                 “ตอนนั นผู้น้าชุมชนก็มาคิดกันว่าต้องหาทางเอาน ้ามาใช้อย่างเป็นระบบ พอดี

                         เราได้ไปดูพวกไร่อ้อยทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขามีระบบส่งน ้าทางท่อ เราก็คิดว่า

                         เราอยากได้ ก็เสนอไปผ่านทางสมาคมและโรงงานซึ่งเขามีพาวเวอร์ในการผลักดัน ...
                         แต่ของเรามีปัญหาคือชาวไร่อ้อยเรามันอยู่ในที่สูงๆ ต่้าๆ สูงกว่าอ่างทั งนั น มันต้องใช้





                                                            69
   65   66   67   68   69   70   71   72   73   74   75