Page 72 - kpi20899
P. 72

“การถอดบทเรียนชุมชนเพื่อการปฏิรูปกระบวนการจัดการทรัพยากร : พลวัตแห่งการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรน ้า
                        ในพื นที่ต้าบลหนองพันจันทร์ อ้าเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี”  โดย  ดร.ปริชัย ดาวอุดม และนายเจษฎา เนตะวงศ์







                  การช้ารุดซึ่งมีต้นตอมาจากการบริหารจัดการ การซ่อมแซมที่ล่าช้าอันเนื่องมาจากระบบงบประมาณ และ

                  การสูบน้้ายิ่งท้าให้น้้าในอ่างลดลงมากยิ่งขึ้น น้าไปสู่การแก้ปัญหาทีละประเด็นอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย


                             ปัญหาแรก คือปัญหาการใช้น้้าในอ่างหลายระบบ ท้าให้ปริมาณน้้ายิ่งลดลงอย่างรวดเร็ว

                  กว่าเดิมแม้ว่าการปล่อยน้้าจากอ่างลงสู่ล้าห้วยจะเคยท้าให้น้้าในอ่างแห้งจนเห็นก้นอ่างมาแล้วและ

                  ก่อให้เกิดมาตรการในการวัด ค้านวณ และรายงานปริมาณน้้าในอ่างอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น แต่เมื่อมีระบบ

                  การสูบน้้าความดันสูงเข้ามา ยิ่งท้าให้ปริมาณน้้าลดลงยิ่งกว่าเดิม ขณะที่การปล่อยน้้าสู่ล้าห้วยก็ยังคงด้าเนิน

                  ต่อไป ท้าให้ยังคงมีน้้าทิ้งสู่ล้าห้วยในประมาณมากที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ชาวบ้านที่อยู่ด้านหลังอ่างก็สามารถ

                  สูบน้้าใช้ได้อย่างอิสระ รวมไปถึงน้้าใช้จากระบบประปาที่ใช้น้้าจากในอ่างมาผลิตน้้าประปาด้วยเช่นกัน

                  การมีระบบการใช้น้้าที่หลากหลายท้าให้ผู้น้าชุมชนเห็นว่าหากปล่อยให้ด้าเนินต่อไปในสภาพการณ์เช่นนี้

                  หนองพันจันทร์คงหนีไม่พ้นการขาดแคลนน้้าในอนาคตอย่างแน่นอน จึงเริ่มมีการวางระบบและกฎเกณฑ์

                  การใช้น้้าเกิดขึ้น ได้แก่ ในส่วนแรกคือมีการวางมาตรการก้าหนดปริมาณการใช้น้้าในแต่ละปีเป็นสัดส่วน

                  กล่าวคือมี “โควตา” การใช้น้้า โดยก้าหนดให้ปริมาณของน้้าที่จะปล่อยลงล้าห้วย สูบผ่านระบบแรงดันสูง

                  ซึ่งเป็นสองระบบใหญ่ที่สิ้นเปลืองน้้ามากที่สุด ให้มีปริมาณน้้าที่จะใช้ได้อย่างตายตัว ซึ่งในส่วนนี้ต้องถือว่า

                  เป็นผลมาจากการเก็บฐานข้อมูลร่วมกับเจ้าหน้าที่ชลประทานอย่างเป็นระบบมาก่อน ท้าให้การปล่อยน้้า

                  และสูบน้้าแต่ละครั้ง สามารถบอกปริมาตรน้้าที่ใช้ไปได้อย่างชัดเจน ประกอบกับความรู้ที่เกิดจากการ

                  เรียนรู้ลักษณะของพืชพรรณ เช่น ไร่อ้อย และไร่สับปะรด ที่คนในชุมชนจะรู้ร่วมกันว่า ต้องการน้้าใน

                  จ้านวน วันและเวลาที่ไม่มากนัก ก็สามารถให้ผลผลิตในปริมาณที่ต้องการได้ ยิ่งท้าให้การควบคุมปริมาณ

                  การใช้น้้าเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล


                                 “ถ้าน ้าเต็มจะมีปริมาณ 4,300,000 ลูกบาศก์ ปีนี ต้องแจงว่าจะปล่อยล้าห้วย

                         เท่าไหร่ ท่อระบบแรงดันไฟฟ้าปล่อยเท่าไหร่ สมมติปล่อยอย่างละ 300,000 ก็ท้าข้อมูล

                         ไว้ ประปาที่เหลือใช้ทั งระบบก็กันไว้ เหล่านี ต้องท้าข้อมูลไว้ เพื่อให้วัดผลได้ สมมติ
                         ล้าห้วยขอเปิดสองหมื่น ก่อนปล่อยมีเท่าไหร่ หลังปล่อยเหลือเท่าไหร่ก็ให้ท้าข้อมูลไว้

                         แรกๆ เขาก็ไม่เชื่อ พอมาเจอปัญหาทุกวันนี มีระบายถ้าน ้าเหลือก็ปล่อยไปที่แม่เต็งเลย
                         เพราะทางนู้นต้นน ้าเขามีน้อย ก็เป็นการแบ่งปันกันได้ ส่วนท่าเคยถ้าเต็มเขาก็แบ่งมาที่นี่

                         ของเราลดปัญหาน ้าท่วมเกษตรกรริมห้วย เวลาน ้าเยอะก็ปล่อยลงท่อไปเติมแม่เต็ง

                         ซึ่งอ่างแม่เต็งท้าไปแล้วไม่มีต้นน ้า ก็แก้ปัญหาตรงนี  แต่ต้องเต็มจากตรงนี นะ ถ้าไม่เต็ม
                         ก็ให้ไม่ได้” (สัมภาษณ์อาเท่ 22 มิถุนายน 2560)







                                                            71
   67   68   69   70   71   72   73   74   75   76   77