Page 64 - kpi20899
P. 64

“การถอดบทเรียนชุมชนเพื่อการปฏิรูปกระบวนการจัดการทรัพยากร : พลวัตแห่งการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรน ้า
                        ในพื นที่ต้าบลหนองพันจันทร์ อ้าเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี”  โดย  ดร.ปริชัย ดาวอุดม และนายเจษฎา เนตะวงศ์







                                 “ถ้าเป็นงานไร่ของตัวเองก็จะต่างคนต่างท้า นอกจากเป็นงานที่ต้องรีบท้า

                         ให้เสร็จ พวกเกี่ยวข้าว เราก็ต้องเอาแรงกัน เราไปช่วยคนอื่นเกี่ยวข้าว แล้วคนอื่นก็มา
                         ช่วยเรา เพราะถ้าไม่ช่วยข้าวก็จะล้มบางทีก็เสีย ก็เลยต้องรีบท้าให้เสร็จ” (สัมภาษณ์

                         พี่มณี 15 พฤษภาคม 2560)

                             ความล้าบากยากแค้นในอดีตที่เกิดจากปัญหาเรื่องน้้ากินน้้าใช้เป็นสิ่งที่ชาวหนองพันจันทร์


                  ที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันได้เผชิญร่วมกันมา ยังคงเป็นที่ติดตราตรึงใจท้าให้ทุกคนเห็นตรงกันว่าพวกเขาจะ
                  ไม่ยอมให้ลูกหลานต้องไปเผชิญปัญหาดังกล่าวอีกต่อไปในอนาคต การร่วมทุกข์จนมาถึงการร่วมสุข


                  ในปัจจุบันที่มีสิ่งอ้านวยความสะดวกและน้้าที่อุดมสมบูรณ์ดี ท้าให้ชาวบ้านทุกคนเห็นคุณค่าของสิ่งที่ตนเอง
                  ได้มาจึงรักและหวงแหน ภาพความอัตคัดขัดสนในทรัพยากรน้้าและการแบ่งปันน้้ากันอย่างเป็นธรรม


                  ตามความจ้าเป็น คือรากฐานความคิดร่วมกันของคนในชุมชน


                                 “เมื่อก่อนนะต้องไปหาบ้านที่เขามีบ่อ จะว่าไปขอเขาก็ไม่เชิง คือเขารู้ว่าเราเอา
                         น ้าไปกิน เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ก็ต้องไปรอน ้ามันซึมขึ นมาและก็ไปตามคิว ใครมาก่อน

                         ก็ได้ก่อน แต่ก็ไม่มีใครเอาไปเกินจ้าเป็นเพราะรู้ว่าคนรออีกเพียบ พอมามีการท้าฝาย

                         ชาวบ้านทั งผู้หญิงผู้ชายก็ไปช่วยกันท้า ช่วยกันแบกหินไปเรียงท้าฝาย แบกไปก็บ่นไปว่า
                         ใครไปเอาหินที่ไหนมา หินมาท้าก้อนมันใหญ่และหนักมาก ถ้าผู้หญิงแรงน้อยก็แบกก้อน

                         เล็กหน่อย ผู้ชายแรงเยอะก็เอาก้อนใหญ่ไป”(สัมภาษณ์พี่มณี 15 พฤษภาคม 2560)

                             ความไว้เนื้อเชื่อใจที่เกิดขึ้นจากการสร้างความคุ้นเคยเพราะอยู่ร่วมกันในชุมชนมานานหลาย


                  สิบปีและการนับถือกันเสมือนญาติ การช่วยเหลือเกื้อกูลกันทั้งเรื่องสวนตัว ปากท้อง งานชุมชน และ
                  กิจกรรมประเพณีความเชื่อต่างๆ การร่วมทุกข์ร่วมสุข และการแบ่งปันกันอย่างเป็นธรรม ได้ท้าให้คน


                  ในชุมชนมีจิตส้านึกร่วมในฐานะที่เป็นพวกเดียวกันและความรู้สึกเป็นเจ้าของในบรรดาสิ่งต่างๆ ที่อยู่ใน

                  ชุมชนร่วมกัน ไม่เว้นแม้แต่ทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้ และน้้า เมื่อคนรู้สึกเป็นพวกเดียวกันและเป็นเจ้าของ

                  สาธารณะสมบัติร่วมกัน ย่อมเป็นส่วนส้าคัญที่ท้าให้พวกเขามีความตระหนักในสิทธิของชุมชนที่มีต่อ

                  ทรัพยากรของพวกเขาในชุมชน และการตระหนักในผลประโยชน์ร่วมกันนี้เองที่เป็นองค์ประกอบหนึ่งของ

                  ทุนทางสังคมที่จะเป็นรากฐานของกระบวนการบริหารจัดการทรัพยากร และสาธารณสมบัติในแบบแผน

                  และวิถีที่พวกเขาสร้างและให้ความหมายขึ้นมาเอง










                                                            63
   59   60   61   62   63   64   65   66   67   68   69