Page 59 - kpi20899
P. 59

“การถอดบทเรียนชุมชนเพื่อการปฏิรูปกระบวนการจัดการทรัพยากร : พลวัตแห่งการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรน ้า
                      ในพื นที่ต้าบลหนองพันจันทร์ อ้าเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี”  โดย  ดร.ปริชัย ดาวอุดม และนายเจษฎา เนตะวงศ์







                              “ตอนแรกที่ได้ท่อมา มีปัญหา ต่างคนต่างใช้ แค่ทดลองท่อแตกตรงโน้น ตรงนี

                       แตก คนโน้นก็บอกเปิดเมื่อไหร่ ท่วมไร่ฉัน ฉันไม่ยอม คือมันเกิดปัญหาขึ น เมื่อเกิด
                       ปัญหาเราก็ต้องหาทางแก้ เราก็คิดว่าจะแก้กันอย่างไร เพื่อให้ระบบมันอยู่ได้เราใช้เวลา

                       4-5 ปี กว่าที่เราจะเรียนรู้กัน ทะเลาะกันบ้างโวยวายกันบ้าง มันไม่ได้มีปัญหาแค่นี
                       หน่วยงานรัฐเอง เช่น ชลประทาน หากเราไม่ชัดเจนเขาก็ร่วมกับเราไม่ได้ เราต้องชัดเจน

                       เขาก็รอค้าสั่งอย่างเดียว ท่อแตกตรงไหนเขาก็ไปซ่อมให้ เพราะท่อเป็นงบเขา ชลประทาน

                       ต้องดูแล ระบบไฟฟ้าเป็นของชลประทาน คือกรรมการไม่ต้องซ่อมบ้ารุง ถ้ามีปัญหา
                       ก็แจ้ง แต่ก็ต้องมีส่วนร่วมในการจ่ายค่าพลังงาน” (สัมภาษณ์อาเท่ 22 มิถุนายน 2560)


                          ปัจจุบันการใช้และการจัดการทรัพยากรน้้าจากอ่างเก็บน้้าด้าเนินไปบนอ้านาจในการตัดสินใจ

               ของชาวบ้านภายใต้รูปแบบของการรวมกลุ่มโดยมีคณะกรรมการเป็นผู้บริหารจัดการ ตัดสินใจเกี่ยวกับการ

               ใช้น้้า ซึ่งในพื้นที่มีระบบบริหารจัดการน้้า 4 ระบบใหญ่คือ ระบบประปา กลุ่มผู้ใช้น้้าจากล้าห้วย กลุ่มผู้ใช้

               น้้าจากแรงดันของโรงสูบ และกลุ่มผู้ใช้น้้าจากแรงโน้มถ่วง  ในการบริหารจัดการน้้าทั้ง 4 ระบบนั้น ได้มีการ

               บริหารจัดการร่วมกัน ระบบของการวางท่อกระจายน้้าสู่พื้นที่แปลงเกษตรนั้น ถูกออกแบบให้มีโครงข่าย

               ที่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด โดยในแต่ละแปลงจะมีหัวจ่ายน้้า โดยการจ่ายน้้าในระบบปั๊มปิ้งจะมีการเก็บ

               ค่าบ้ารุงรักษาเป็นรายเดือนเฉพาะเดือนที่มีการสูบน้้า ขณะที่การจ่ายน้้าในระบบกราวิตี้จะเก็บค่าบ้ารุง

               ทุกเดือน เนื่องจากเป็นระบบที่ใช้แรงดันธรรมชาติ ซึ่งแตกต่างจากระบบปั๊มปิ้งที่ใช้แรงดันจากไฟฟ้า ท้าให้

               การจัดเก็บค่าบ้ารุงรักษามีอัตราที่แตกต่างกัน ความเข้มแข็งและกระบวนการประชาธิปไตยสะท้อนให้เห็น

               ได้จากพี่เด่นซึ่งเป็นอดีตกรรมการน้้าได้อธิบายกระบวนการบริหารจัดการไว้ว่า


                              “มีกลุ่มย่อยทั งหมด 9 กลุ่ม กลุ่มที่ 1-8 เป็นกลุ่มผู้ใช้น ้าระบบปั๊มปิ้ง มีหัวใช้น ้า 483

                       หัวจ่าย กลุ่มที่ 9 กลุ่มนี ใช้น ้าระบบกราวิตี  มี 33 หัวจ่าย ก็มีการออกระเบียบการใช้เมื่อปี2554

                       โดยการท้าประชาคมร่วมกัน คนที่ใช้ปั๊มปิ้ง ปีแรกชลประทานออกค่าไฟ 100% ปีที่ 2 ก็เลยต้อง
                       มีการเก็บค่าไฟในระบบปั๊มปิ้ง เก็บหัวละ 300 บาท ส่วนกลุ่มที่ 9 กลุ่มใหญ่จะเก็บ 300 เหมือนกัน

                       เพราะใช้น ้า 24 ชั่วโมง กลุ่มเล็กที่มีหัว 33 หัว มีผู้ใช้น ้า 85 รายก็โวยวาย เพราะเราไม่ได้ใช้ไฟ
                       น ้ามันไหลมาเองจะมาเก็บ 300 เท่ากันได้ยังไง ตอนนั นชาวบ้านก็ประท้วงเรื่องเก็บค่าใช้เท่ากัน

                       ก็ถกเถียงกัน จนเราจะขอแยกออกมาต่างหาก ทีนี เจ้าหน้าที่ชลประทานก็ชี แจงว่ามันไม่สามารถ
                       ท้าได้ เพราะหนึ่งอ่างสามารถตั งกลุ่มผู้ใช้น ้าได้กลุ่มเดียว เราก็ยอมอยู่ในกลุ่มใหญ่ เขาจึงขอเก็บ

                       เดือนละ 100 ซึ่งทุกคนก็ให้การยอมรับ ทุกวันนี กลุ่มเล็กก็เสีย 100 บาทจะใช้หรือไม่ก็แล้วแต่”

                       (สัมภาษณ์พี่เด่น 15 พฤษภาคม 2560)







                                                         58
   54   55   56   57   58   59   60   61   62   63   64