Page 88 - kpi20896
P. 88
87
นโยบายฝั่งอุปทานการจ้างงาน เป็นการสร้างแนวนโยบายที่ส่งผลต่อฝั่งแรงงานเอง
โดยหลักการคือ เพิ่มหรือลดแรงต้านของฝั่งนายจ้าง ปรับโครงสร้างศักยภาพแรงงานและการเข้าไปแทรกแซง
ค่าจ้างโดยตรง โดยอาจมีวิธีการ เช่น 1) การเน้นการฝึกอบรมและให้การศึกษา ทั้งนี้การเพิ่มทักษะฝีมือ
แรงงาน เป็นสิ่งที่ลดอัตราการว่างงานที่ยั่งยืนในระยาวมากที่สุด โดยแนวทางการให้ทักษะใหม่แก่ผู้ที่มีความ
ประสงค์ เช่น คนงานปัจจุบันเพิ่มทักษะจ้าเป็นด้านเทคโนโลยี หรือจะเป็นการเพิ่มทักษะใหม่เข้าไปในผู้ที่ไม่มี
ทักษะเดิมอยู่เลยก็ได้ ซึ่งในทุกประเทศทั่วโลกมักมีหน่วยงานด้านสวัสดิการและฝีมือแรงงานเป็นหน่วยงาน
รับผิดชอบ อย่างไรก็ดี ผลที่ได้จากการเพิ่มทักษะฝีมือเป็นสิ่งที่วัดได้ยากและไม่แน่ใจในผลลัพธ์ว่ามีขนาดเท่าไร
การแสดงผลลัพธ์จึงมีเวลาที่เหลื่อมมากกว่าการใช้นโยบายทางด้านอุปสงค์ 2) แทรกแซงกลุ่มสหภาพแรงงาน
เพื่อการเรียกร้องค่าจ้างขั้นต่้า 3) เงินสนับสนุนการจ้างงาน เช่น เงินจูงใจหรือส่วนลดหย่อนภาษี โดยอาจใช้
ร่วมกับมาตรการอื่น เช่น การฝึกอบรมอาชีพหรือการเพิ่มพูนทักษะแรงงาน 4) เพิ่มงานภาครัฐโดยตรง กล่าวคือ
รัฐกลายเป็นนายจ้างด้วยการสร้างโครงการขึ้นมาเพื่อการจ้างงานโดยเฉพาะ ซึ่งจะเป็นมาตรการควบคู่ไปกับ
การสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ในนโยบายฝั่งอุปสงค์
ประเด็นการจ้างงานเพิ่มและลดการว่างงานที่ได้เสนอไว้นั้น เป็นแนวทางปฏิบัติที่สามารถ
พบเห็นได้ทั่วโลก อย่างไรก็ตามอุปสรรคส้าคัญของกลุ่มประเทศรายได้ปานกลางทั่วโลกคือ งบประมาณที่มีอยู่
ค่อนข้างจ้ากัดและสภาพทุนทางมนุษย์ที่มีช่องว่างอยู่มาก จึงเป็นโจทย์ที่ท้าทายอย่างยิ่งของรัฐบาลในกลุ่ม
ประเทศรายได้ปานกลางที่จะต้องหาจุดสมดุลที่สุดในการออกแนวนโยบายเพื่อสร้างงานและลดความเหลื่อมล้้า
ในท้ายที่สุด
5.3.3 นิติธรรมตัวช่วยในการต่อสู้ความเหลื่อมล้้า
ประเด็นนิติธรรม หรือความเสมอภาคเท่าเทียมในการบังคับใช้กฎหมาย ของธนาคารโลกนั้น
ได้ออกแบบมาเพื่อวัดความเชื่อมั่นในกระบวนการใช้อ้านาจของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเอื้อให้เกิดการพัฒนาทาง
เศรษฐกิจ โดยนัยนั้น “นิติธรรมเป็นเครื่องมือเร่งกระบวนการควบคุมการทุจริต” กล่าวคือ แม้จะมีความ
พยายามในการควบคุมการทุจริตมากเพียงใดก็ตาม หากปราศจากหลักความเสมอภาคในการบังคับใช้กฎหมาย
ก็มีแนวโน้มที่การควบคุมจะไม่เกิดผลอย่างใดขึ้นเลย เนื่องจากอ้านาจในการบังคับและการลงโทษถูกจ้ากัดไว้
ในมือของกลุ่มชนชั้นน้า หรือมีลักษณะอยู่เหนือกฎหมาย ปรากฎการณ์ดังกล่าวพบเห็นได้ทั่วไปในประเทศ
ที่ก้าลังพัฒนาที่ “โครงสร้างของชนชั้นน้ามีสิทธิมีเสียงและมีอ้านาจเหนือกว่ากลุ่มชนชั้นล่างอย่างเหลื่อมล้้า”
ซึ่งสอดคล้องกับรายงานบางฉบับของธนาคารโลกที่กล่าวว่า “ความไม่สามารถเข้าถึงความยุติธรรม
ไม่ว่าด้วยช่องทางใดหรือด้วยตัวอ้านาจบังคับที่ติดขัด ถือเป็นองค์ประกอบหนึ่งของความยากจน
ด้วยตัวของมันเอง” (World Bank, 2012) ด้วยนัยดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า การขาดหลักนิติธรรมเป็นปัญหา