Page 87 - kpi20896
P. 87
86
งานวิจัยหลายชิ้นยืนยันผลว่าในกลุ่มประเทศที่มีรายได้สูงนั้นอัตราการว่างงานไม่มีผลกระทบ
ต่อความเหลื่อมล้้า ในขณะที่กลุ่มประเทศที่รายได้ต่้านั้น อัตราการว่างงานเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบโดยตรง
ต่อความเหลื่อมล้้า ซึ่งพบผลสอดคล้องกับงานชิ้นนี้ ค้าอธิบายเบื้องต้นนั้น ส้าหรับพลเมืองที่อยู่ในกลุ่มประเทศ
รายได้สูง มักมีแหล่งเงินออม การถือครองกรรมสิทธิ์ และระบบสวัสดิการของรัฐที่เอื้อต่อการด้ารงชีพ กล่าวคือ
ในความต้องการขั้นต่้านั้น พลเมืองในประเทศที่พัฒนาแล้วสามารถอยู๋ได้โดยปราศจากงาน อย่างน้อยก็ใน
ช่วงเวลารองาน ประกอบกับงานและทักษะในการท้างาน รวมไปถึงระบบการจ้างงานในกลุ่มประเทศที่พัฒนา
แล้วนั้น มีระบบและเป็นลักษณะมืออาชีพมากกว่า การย้ายสายงาน การพัฒนาเส้นทางอาชีพ เป็นไปอย่างเสรี
และมีประสิทธิภาพมากกว่า ดังนั้นการว่างงานในช่วงขณะหนึ่งจึงไม่เป็นปัญหาส้าหรับพลเมืองของประเทศ
ที่อยู่ในกลุ่มรายได้สูงของโลก
ในทางกลับกันรายได้และค่าครองชีพในกลุ่มประเทศรายได้ต่้า รวมไปถึงรายได้ปานกลางเป็น
ประเด็นที่โดนกระทบได้ง่ายจากปัจจัยแวดล้อมอื่น เช่น สุขภาพ การศึกษา ระดับเงินออมและทักษะอาชีพ
รวมไปถึงทุนทางสังคมของพลเมืองในกลุ่มประเทศรายได้ต่้าและปานกลาง มีลักษณะที่ค่อนข้างเสียเปรียบ
กล่าวคือ นอกจากจะยากจนแล้ว พลเมืองของกลุ่มประเทศดังกล่าวยังมีศักยภาพในการพัฒนาคุณภาพชีวิต
ได้น้อย วัฏจักรดังกล่าวน้าไปสู่การติดกับดักรายได้ปานกลางในภาพรวมในท้ายที่สุด จึงไม่น่าแปลกใจที่ผลงาน
วิจัยจะพบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของการว่างงานว่ามีผลกระทบต่อระดับความเหลื่อมล้้าในกลุ่มประเทศรายได้
ปานกลางและต่้า นอกจากนี้สภาพความเป็นชุมชนชนบทและการอาศัยแบบเครือญาติที่พบเห็นได้ในประเทศ
รายได้ปานกลางและต่้า ส่งผลให้การว่างงานของผู้ที่มีรายได้ต่้าในกลุ่มประเทศรายได้ปานกลางและต่้า กระทบ
ต่อครอบครัวและส่งผลให้เกิดการพัฒนาที่ยากล้าบากมากขึ้น ดังนั้นแล้วในกลุ่มประเทศรายได้ปานกลางจ้าเป็น
อย่างยิ่งที่รัฐบาลจะต้อง “สร้างงานและลดอัตราการว่างให้มากที่สุด” เพื่อสร้างรายได้ให้พอแก่การด้ารงชีพ
ของประชาชนของตน ส้าหรับแนวทางในการลดอัตราการว่างงานที่เป็นเครื่องมือโดยทั่วไปนั้น อาจแบ่งได้เป็น
นโยบายฝั่งอุปสงค์การจ้างงาน เป็นแนวทางการแทรกแซงของรัฐบาลสู่ตลาดแรงงาน เช่น
1) นโยบายทางการคลัง ในการออกมาตรการลดภาษีและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานมหภาค โดยวิธีการ
ดังกล่าวถือเป็นการเพิ่มอุปสงค์มวลรวมให้แก่ประเทศ ซึ่งจะน้าไปสู่การจ้างงานในท้ายที่สุด อย่างไรก็ตาม
การใช้มาตรการทางการคลังมีระยะเวลาในการเกิดผลที่เหลื่อมออกไปขึ้นอยู่กับบริบทของประเทศนั้นๆ
2) นโยบายทางการเงิน ในการออกมาตรการลดดอกเบี้ย นโยบายซึ่งส่งผลให้เกิดการจ้างงานจากดอกเบี้ย
ในการกู้เพื่อลงทุนที่ปรับเปลี่ยน รวมไปถึงการไหลเข้าของเงินทุนจากต่างประเทศ อย่างไรก็ดี นโยบายดอกเบี้ย
อาจเป็นดาบสองคมที่ให้ผลในทางตรงกันข้ามในบางกรณี และเช่นเดียวกับนโยบายทางการคลัง ตัวนโยบาย
ทางการเงินก็จ้าเป็นต้องใช้เวลาเหลื่อมในการแสดงผลลัพธ์จากการปรับเปลี่ยนตัวนโยบาย