Page 37 - kpi20896
P. 37
36
รัฐที่ถูกสร้างขึ้นด้วยสมมติฐานเบื้องต้นที่ตายตัวและมองข้ามความเคลื่อนไหวของสถาบันทางสังคม หรือ
เศรษฐศาสตร์แบบคลาสสิกมีข้อจ้ากัด โดยแสดงหลักฐานจากการด้าเนินธุรกิจที่ผู้ประกอบการมักชอบที่จะ
ตกลงหรือท้าสัญญากันเองโดยไม่ผ่านตลาด ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ว่า แม้รัฐจะพยายามสร้างตลาดให้สมบูรณ์
แต่ในความเป็นจริงไม่สามารถท้าได้ อีกทั้งยังเสียต้นทุนด้าเนินการไปเป็นจ้านวนมาก ในขณะที่ประเด็น
จริยธรรมและกรอบของกฎหมายที่เป็นสถาบัน ควรมีหน้าที่ก้าหนดกฎเกณฑ์และกรอบจริยธรรมที่ชัดเจน
ผลงานชิ้นดังกล่าวเป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิด Good Governance และ Cooperate Governance ในเวลา
ต่อมานั่นเอง
R.H. Coase (1960) ได้เสนอบทความส้าคัญอีกชิ้นเรื่อง The Problem of Social Cost
ซึ่งเป้าประสงค์หลักของบทความ คือ การอธิบายผลกระทบภายนอกของการด้าเนินกิจการภาคธุรกิจต่อ
ภาคส่วนอื่น รวมถึงความพยายามคิดราคาที่แท้จริงอย่างรอบด้านของผลกระทบดังกล่าว แม้บทความจะเป็น
การพูดถึงฐานคติทั่วไปของผลกระทบภายนอก แต่จุดเน้นส้าคัญที่ท้าให้บทความดังกล่าวที่นับเป็นสารตั้งต้น
ในงานวิจัยกลุ่มเศรษฐศาสตร์สถาบันใหม่ คือ การเน้นประเด็นสถาบันทางสังคมและกฎหมายที่จะต้องเข้ามา
มีบทบาทในการก้าหนดราคาและควบคุมผลกระทบดังกล่าว ในช่วงปีดังกล่าว แนวความคิดนี้ถือเป็นเรื่องที่
น้าสมัยและสร้างแรงบันดาลใจให้กับความก้าวหน้าของประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม ที่มิใช่การอ้างอิงเพียง
แนวปรัชญาและทฤษฎี แต่ยังสามารถท้าให้เกิดขึ้นจริงในทางปฏิบัติอีกด้วย ส่งผลให้ Coase ได้รางวัลโนเบล
และยังได้รับการอ้างอิงจากนักกฎหมายทั่วโลกในการก้าหนดตัวบทกฎหมายและงานชิ้นดังกล่าวยังได้รับการ
อ้างอิงจนสร้างเป็นแนวคิดกลุ่ม Public Choice ที่ได้รับความนิยมในภายหลังอีกด้วย
งานทั้งสองชิ้นเป็นพลังผลักดันที่ส้าคัญให้กับแนวคิดดังกล่าว โดยผู้ที่ท้าให้แนวคิดดังกล่าว
เกิดความเป็นรูปธรรมและทันสมัยคือลูกศิษย์ของ Coase เอง ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง คือ Oliver
Williamson ทั้งนี้ ยังเป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องว่า แนวความคิดของเขาน้าไปสู่ Good Governance และ
Cooperate Governance ที่มีความส้าคัญในโลกปัจจุบันอีกด้วย งานชิ้นส้าคัญของ Williamson ได้แก่
The Economics of Governance : Framework - and Implications (1984), The Economic Institution
of Capital (1985) และ The Mechanisms of Governance (1996) โดยหนังสือสองเล่มหลังเป็นหนังสือ
ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก
O. Williamson (1984) ในบทความเรื่อง The Economics of Governance: Framework
- and Implications อาจนับเป็นบุคคลแรกที่กล่าวถึงธรรมาภิบาลซึ่งในขณะนั้น คือ กลไกกลางที่มีลักษณะ
เป็นนามธรรมที่ท้าหน้าที่ระหว่างตลาดและเอกชนที่ซ่อนอยู่ นั่นคือปัจจัยเชิงสถาบันซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปตาม
สภาพสังคมเศรษฐกิจของประเทศนั้น นั่นคือ การวิเคราะห์ระบบเศรษฐกิจจะต้องรวมเอาประเด็นเชิงสถาบัน