Page 27 - kpi20896
P. 27
26
ปัจจัยเหล่านี้มีผลต่อความเหลื่อมล้้า ซึ่งจะท้าลายโครงสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืน จึงเป็นหน้าที่ของนักนโยบาย
ภาครัฐของกลุ่มประเทศก้าลังพัฒนาทั่วโลก
2.1.2.2 ปัจจัยด้านการเมือง ในระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยนั้น ปัจจัยทางการเมือง
เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลอย่างยิ่งในทุกระดับของสังคม รวมถึงในระดับนโยบาย ซึ่งประเด็นการกระจายรายได้
ที่ไม่เสมอภาคโดยมีผลจากการเมือง สามารถสรุปเพื่อน้าเสนอได้ดังนี้
อุดมการณ์ทางการเมือง อุดมการณ์ทางการเมืองมีส่วนส้าคัญอย่างยิ่งในการก้าหนด
ทิศทางของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระบอบประชาธิปไตยที่ก้าวหน้า ซึ่งสิทธิพลเมืองและการมีส่วนร่วม
ได้รับการพัฒนาแล้ว ย่อมส่งผลให้เกิดการกระจายรายได้ที่ดีขึ้น เพราะประชาชนรู้สิทธิของตนและแสดงออก
อย่างถูกวิธี และในระดับที่ย่อยลงกว่า อุดมการณ์ทางการเมืองแบบอนุรักษ์นิยมหรือเสรีนิยมของรัฐบาลที่ได้
ถือครองอ้านาจ ก็อาจส่งผลต่อการกระจายรายได้เช่นกัน เนื่องจากอุดมการณ์ทางการเมืองสามารถก้าหนด
บทบาทการแทรกแซงหรือกิจกรรมของรัฐได้ เช่น ส้าหรับอุดมการณ์เสรีนิยมใหม่เชื่อว่าการเข้ามาแทรกแซง
ของรัฐท้าให้เกิดความเท่าเทียม และส้าหรับอนุรักษ์นิยมใหม่ที่ไม่พยายามเข้าไปแทรกแซงกลไกตลาด เหล่านี้
ท้าให้เกิดผลต่อการกระจายรายได้ทั้งสิ้น อย่างไรก็ดีประเทศที่มีความเป็นประชาธิปไตยมีผลให้เกิดปมปัญหา
ที่ส้าคัญที่สุด นั่นคือ “Median Voter” ที่หมายถึงการที่พรรคการเมืองต่างพยายามรักษาฐานเสียงเพื่อให้ตน
ได้รับเลือกตั้งกลับเข้ามา ท้าให้ “เกิดการกระจายผลประโยชน์อย่างไม่เป็นธรรมและไม่มีเหตุผลรองรับ”
ซึ่งแนวคิดแบบเสรีนิยมและการสะสมทุนเป็นกลไกส้าคัญที่เร่งให้เกิดความเหลื่อมล้้าทางรายได้ของคนรวยและ
คนจน (Haskel and Szimanski, 1993; Boix, 2001; Sirowy and Inkeles, 1990)
อย่างไรก็ตามในอีกแง่มุมหนึ่ง นักวิชาการต่างลงความเห็นว่าประชาธิปไตยเป็นระบอบที่เอื้อ
ต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจมากที่สุด และพบรายงานที่ชี้ให้เห็นว่าการสนับสนุนให้เกิดสิทธิเสรีภาพในสังคม
ส่งผลให้เกิดความเหลื่อมล้้าทางรายได้ที่น้อยลง ผ่านกระบวนการทางการเมือง (Gradstein and Milanovic,
2002; Li, Squire and Zou, 1998; Lundberg and Squire, 2003) นอกจากนี้ยังพบหลักฐานอีกว่า ระดับ
ของการรวมศูนย์อ้านาจในแต่ละพื้นที่ มีผลต่อการกระจายตัวของรายได้ที่แตกต่างกัน ดังเช่น ในพื้นที่ที่มี
ขอบเขตการมีส่วนร่วมของชุมชนสูง จะมีระดับความเหลื่อมล้้าที่ต่้ากว่า (Nielsen and Alderson, 1995;
Durham, 1999; Higgins and Williamson, 1999) รวมถึงการพบว่าดัชนีความเหลื่อมล้้ามีความเกี่ยวข้องกับ
ระยะเวลาของความเป็นประชาธิปไตย และระดับความเป็นเสรีนิยมของความเป็นประชาธิปไตย (Muller,
1988; Stewart and Berry, 2000) ในอีกส่วนหนึ่งได้มีนักวิชาการเสนอให้ใช้ดัชนีชี้วัดธรรมาภิบาล (Good
Governance) เป็นตัวแทนความก้าวหน้าทางประชาธิปไตยเพื่อทดสอบกับตัวแปรที่สนใจเช่นกัน