Page 25 - kpi20896
P. 25
24
สมการก้าลังสอง และอาจพบว่าการมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการผลิตมีความสัมพันธ์กับอัตราการว่างงาน
ซึ่งมีผลโดยตรงต่อความเหลื่อมล้้าด้านรายได้อีกด้วย (Eriksson, 1997; Boix, 2001)
สัดส่วนรายจ่ายของรัฐบาล และนโยบายโครงสร้างภาษี โดยธรรมชาติของการเก็บภาษี
หากเกิดภาระภาษีเท่ากันในหลายกลุ่มชั้น ผู้ที่มีฐานะต่้ากว่าย่อมมีความเสียเปรียบ ทั้งนี้จากการศึกษางานวิจัย
หลายชิ้นพบว่า ภาษีในประเทศไทยนั้น ภาษีทางตรงมีลักษณะก้าวหน้า และภาษีทางอ้อมมีลักษณะถดถอย
ในขณะที่ประเทศไทยพึ่งพิงภาษีทางอ้อมเป็นรายได้หลัก ภาระจึงตกแก่ผู้ที่มีรายได้ต่้า ดังนั้นการกระจาย
รายได้จึงแย่ลงในประเทศไทยด้วยโครงสร้างนโยบายภาษี (Medhi 1975, 1979, 1980)
นอกจากนี้รายงานหลายฉบับได้เชื่อมโยงหลักฐานเชิงประจักษ์ ถึงความสัมพันธ์ของระดับการ
พัฒนาทางเศรษฐกิจกับรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นของรัฐบาล เช่น สัดส่วนของภาคอุตสาหกรรมต่อรายได้ประชาชาติ
ยิ่งมากขึ้นเพียงใด ก็จะยิ่งเพิ่มสัดส่วนของรายจ่ายภาครัฐบาลต่อรายได้ประชาชาติมากขึ้นเพียงนั้น กล่าวคือ
ยิ่งเศรษฐกิจขยายตัว ภาครัฐก็ยิ่งมีภาระใช้จ่ายมากขึ้นในการดูแลคนในประเทศ (Berry and Lowery, 1984)
รวมถึงการพบความสัมพันธ์ของสัดส่วนของภาคการเกษตรกรรมกับรายจ่ายของรัฐบาล โดยพบว่าหากประเทศ
มีสัดส่วนภาคเกษตรกรรมมากขึ้น รายจ่ายของรัฐบาล โดยเฉพาะรายจ่ายด้านสาธารณสุขจะยิ่งเพิ่มสูงขึ้น
รวมไปถึงค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นในการดูแลประชาชนในเขตเมือง (Boix, 2001; Cameron ,1978)
ตัวบ่งชี้เชิงเศรษฐศาสตร์มหภาค ปัจจัยกลุ่มหนึ่งที่ได้รับความสนใจ และนิยมน้ามาใช้
หาความสัมพันธ์เชิงเหตุผลที่มีต่อระดับความเหลื่อมล้้าทางรายได้ของประเทศ คือ ตัวแปรที่เป็นตัวบ่งชี้ทาง
เศรษฐกิจของประเทศ เช่น อัตราเงินเฟ้อมีผลต่อการชะลอการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และมีผลต่อความ
เหลื่อมล้้าทางรายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งผลกระทบทางลบต่อผู้มีฐานะยากจน (Gustafsson and
Johansson, 1997; Parker, 1999; Xu and Zou, 2000; Cornia and Kiiski, 2001) อย่างไรก็ดีผลดังกล่าว
ขึ้นอยู่กับโครงสร้างการผลิตในประเทศนั้น ว่ามีอัตราการพึ่งพิงมากน้อยเพียงใด หรือหมายถึงเงินเฟ้อ
เป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการน้าเข้าและส่งออกที่มีผลกระทบต่อประเทศ รวมไปถึงการลงทุนและไหลเข้า
ของเงินตราต่างประเทศ (Bruno and Easterly, 1996; Lundberg and Squire, 2003) นอกจากนี้ยังพบ
อีกว่าสัดส่วนต่อรายได้ประชาชาติของภาคเอกชน มีผลต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และส่งผลต่อเนื่อง
ไปยังความเหลื่อมล้้าในประเทศ (Gillman, Harris and Matyas, 2001) ปรากฎการณ์ดังกล่าวส่งผลทางอ้อม
มายังความเหลื่อมล้้า ด้วยการใช้จ่ายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา ดังนั้นจึงมักพบว่าเมื่อสัดส่วนการ
เจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากภาคธุรกิจมากขึ้น รายจ่ายภาครัฐบาลจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเพื่อรักษา
เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และการแก้ปัญหาสังคมเสมอ (Cameron, 1978; Berry and Lowery, 1984;
Rodrick, 1998; Boix, 2001)