Page 130 - kpi20889
P. 130
บทที่ 5 การวิเคราะหเปรียบเทียบการดําเนินงานของโรงเรียนคริสตและโรงเรียนจีน 119
ตอมา พระราชบัญญัติโรงเรียนราษฎร พ.ศ. 2461 ฉบับแกไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2470 ก็ออกมาเพื่อหาม
การสอนลัทธิทางการเมืองที่สงผลตอความมั่นคง ซึ่งก็คือแนวความคิดชาตินิยมจีนและคอมมิวนิสตจีน
ประกาศหนังสือตองหาม เพิ่มอํานาจผูตรวจการศึกษา หากมีจดหมายตักเตือนไปแลว ยังไมแกไข ทางการก็มี
อํานาจสั่งปดโรงเรียนได ปรากฏวา กฎหมายฉบับนี้ไมไดสงผลมากมายอะไรกับฝงโรงเรียนคริสต แตมาตรการ
นี้พุงเปามาที่โรงเรียนจีนหลายแหงตองปดตัวจากการลงดาบของภาครัฐ
ดังที่กลาวแลววา ครูในโรงเรียนจีนสวนหนึ่งจะไดรับเชิญมาจากประเทศจีน ไมตองพูดถึงเรื่องตํารา
เรียนที่ก็นําเขามาจากจีนดวยเชนกัน การเรียนการสอนก็เนนภาษาจีน โดยไมสอนภาษาไทย จึงหลีกเลี่ยงไมได
วา เนื้อหาการเรียนการสอนจะเปนไปตามหลักสูตรของประเทศจีน เนื้อหาจึงฝกใฝไปในแนวลัทธิการเมือง
แบบปฏิวัติลมลางราชวงศ เชิดชูระบอบสาธารณรัฐแบบชาตินิยมจีนหรือแบบคอมมิวนิสตจีน สั่งสอนให
ชวยเหลือคนจีนดวยกัน โดยเฉพาะการตอสูขับไลญี่ปุน และกลับไปสรางความเจริญที่ถิ่นฐานบานเกิดเมือง
นอน สภาพการตกแตงโรงเรียนที่มีธง รูปภาพ สัญลักษณ แผนที่ที่เชื่อมโยงไปที่จีน รวมไปถึงกิจกรรมทั้ง
ภายในและภายนอกโรงเรียนที่สมเสี่ยงที่จะถูกตีความวาเปนปฏิปกษตอการปกครองในยุคนั้น ซึ่งแนนอนวา
รัฐบาลสยามยังเปนรัฐสมบูรณาญาสิทธิราชยจะนิ่งนอนใจไมได เพราะการรณรงคความเปนชาตินิยมแบบไทย
และคาดหวังใหโรงเรียนเปนที่ขัดเกลาทางสังคม ใหนักเรียนโตขึ้นเปนไปตามอุดมการณของรัฐไทย ขัดแยง
อยางสิ้นเชิงกับการเรียนการสอนของโรงเรียนจีน
5.2.3 การเงิน
แตเดิมโรงเรียนคริสตจะไดรับการสนับสนุนทั้งกําลังคนและกําลังทรัพยจากองคกรมิชชันารีประเทศ
แมขาย เนื่องจากสมัยรัชกาลที่ 7 การสนับสนุนทุกดานจากตางประเทศไดลดลงอยางรวดเร็ว เหลามิชชันนารี
ในสยามไมวานิกายใดหรือคณะใดก็ตองหาทางปรับตัว จนผลักดันใหโรงเรียนคริสตตองเก็บคาเลาเรียนใน
อัตราสูง เพื่อใหโรงเรียนดําเนินการตอไปไดอยางราบรื่น หลายครั้งเหตุผลเรื่องการสงเคราะหเพื่อนนักเรียนที่
กําพราและยากจนก็ถูกสําทับเขามาดวย การเก็บคาเลาเรียนแพงจึงเหมือนการที่นักเรียนที่มีกําลังทรัพย
ชวยเหลือเพื่อนนักเรียนที่ขาดแคลนทางออม
สวนโรงเรียนจีนที่มีโครงสรางการบริหารจากกลุมชาติพันธุภาษา จะมีการเลือกตั้งคณะกรรมการ
โรงเรียนทุกป และคณะกรรมการนี้เองก็ตองหาเงินมาเพื่อหลอเลี้ยงใหโรงเรียนอยูรอดใหไดควบคูกับการเก็บ
คาเลาเรียน โดยทั่วไปจะมีการขอรับบริจาคจากกลุมเครือขายของคณะกรรมการโรงเรียนที่เปนพอคาคหบดีใน
กลุมชาติพันธุภาษาหรือในชุมชนชาวจีนละแวกโรงเรียน นอกจากนี้ ยังมีรูปแบบการหารายไดมาเติมใหกับ
โรงเรียนที่แปลกออกไป อยางเชนการตั้งรานน้ําชาอันเปนที่พบปะสังสรรคของชุมชน แลวนํากําไรมาเปน
รายไดของโรงเรียนอีกทางหนึ่ง
ทางดานคาเลาเรียน ซึ่งดูจะเปนรายไดหลักของโรงเรียน ชวงเริ่มรัชกาลนี้ โรงเรียนจีนทั่วไปเรียกเก็บ
คาเลาเรียนเฉลี่ย 2 บาทตอเดือน โดยมีอัตราสูงสุด 4 บาท และต่ําสุด 1 บาท ตอมาในชวงทศวรรษ 2470
(ราว ค.ศ. 1927 เปนตนมา) คาเลาเรียนขยับตัวสูงขึ้น อัตราเฉลี่ยอยูที่ 3 บาทตอเดือน และสูงสุด 5 บาท หาก