Page 227 - kpi20764
P. 227
226
กฎหมายมาตรา 43F จึงได้ถูกกำาหนดเงื่อนไขให้ผู้เปิดเผยข้อมูล
ต้องกระทำาด้วยความสุจริต (มาตรา 43F(1)(a)) และมีความเชื่ออย่างมี
เหตุผลเหมาะสมเพียงพอว่ามีการกระทำาความผิดเกิดขึ้นอันมีสาระสำาคัญ
เกี่ยวข้องกับหน้าที่ของหน่วยงานกำากับดูแลซึ่งได้รับการมอบหมายให้ดูแล
ตามกฎหมาย (มาตรา 43F(1)(b)(i)) โดยข้อมูลที่ถูกเปิดเผยต้องแสดงถึง
การกระทำาความผิดอย่างถูกต้องชัดเจน (มาตรา 43F(1)(b)(ii)) จึงทำาให้
ภาระการพิสูจน์ตามมาตรา 43F มีมากกว่ากรณีของการเปิดเผยข้อมูล
เป็นการภายในตามมาตรา 43C ที่ผู้เปิดเผยข้อมูลสามารถมีแค่เพียง
ความเชื่ออย่างมีเหตุผลว่ามีการกระทำาความผิดเกิดขื้นเท่านั้น ผู้เปิดเผย
ข้อมูลก็จะไม่สูญเสียความคุ้มครองตามกฎหมายจากมาตรา 43C ไปถึง
แม้ว่าความเชื่อของผู้เปิดเผยข้อมูลจะเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้องหรือ
ผิดไปก็ตาม โดยความแตกต่างของการพิสูจน์ข้อเท็จจริง ระหว่างมาตรา
43C กับมาตรา 43F นั้นได้เคยมีคำาตัดสินของศาลแรงงานกลางในคดี
241
Darnton V. University of Surrey โดยศาลได้ตัดสินไว้ว่า “ข้อมูลที่ถูก
นำามาเปิดเผยนั้นต้องมีความเชื่ออย่างมีเหตุผลเหมาะสมเพียงพอว่า
มีการกระทำาความผิดและข้อมูลเป็นข้อเท็จจริงที่มีความถูกต้องชัดเจน
ซึ่งหมายความว่าเป็นที่น่าเหมาะสมที่ลูกจ้างหากจะทำาการเปิดเผยข้อมูล
ต่อหน่วยงานกำากับดูแล แทนที่จะทำาการเปิดเผยข้อมูลต่อนายจ้าง
ต้องหลีกเลี่ยงการบิดเบือนข้อเท็จจริง หรือการกล่าวอ้างเกินความจริง
อันเป็นธรรมชาติของการรายงานหรือแสดงข้อมูลการกระทำาความผิด
โดยผู้ที่เปิดเผยข้อมูลต้องทำาให้ความจริงเป็นผู้ที่พูดข้อเท็จจริงด้วยตนเอง
เท่านั้น จึงจะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย”
แสดงให้เห็นว่าการให้ความคุ้มครองตามกฎหมายได้พิจารณาตาม
เหตุและผลของการปฏิบัติ หากลูกจ้างได้ทำาการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ
การกระทำาความผิดโดยเป็นการเปิดเผยข้อมูลเป็นการภายในมาก่อน
241 Darnton V. University of Surrey [2003] IRLR 133
inside_WhistleBlower_c1(cs5).indd 226 13/2/2562 16:41:48