Page 163 - kpi20761
P. 163

162


                         (ข)   ควำมเท่ำเทียมกันของแรงงำน

                         การให้สัตยาบันอนุสัญญาฉบับที่ ๑๑๑ ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

                 ถือได้ว่าเป็นการแสดงออกซึ่งเจตนารมณ์และความพร้อมของประเทศไทย
                 ที่จะปรับปรุงบทบัญญัติกฎหมายและแนวปฏิบัติภายในให้สอดคล้อง
                 กับเนื้อหาของอนุสัญญาที่เน้นความเสมอภาคในโอกาสและการปฏิบัติ

                 ในการจ้างงาน การเข้ารับการฝึกงาน และการประกอบอาชีพเพื่อขจัด
                 การเลือกปฏิบัติ ซึ่งในอันที่จริงแล้ว “หลักความเสมอภาค” เป็นหลักการ

                 พื้นฐานที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้มีการรับรองไว้ตั้งแต่
                                 ๒๓๕
                 รัฐธรรมนูญฉบับแรก  ส่วน “หลักการไม่เลือกปฏิบัติ” นั้นปรากฏการรับรอง
                 อย่างชัดแจ้งครั้งแรกในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช

                 ๒๕๔๐  ดังนี้แล้วหลักการทั้งสองเรื่องจึงไม่ใช่สิ่งใหม่ในระบบกฎหมายไทย
                      ๒๓๖
                 ทว่าในทางปฏิบัติหลักการต่างๆ ที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญส่วนใหญ่

                 ค่อนข้างมีความเป็นนามธรรม การน�าหลักการเหล่านี้มาใช้ปฏิบัติให้
                 เกิดผลจึงต้องตรากฎหมายล�าดับศักดิ์พระราชบัญญัติที่มีเนื้อหารองรับ





                 ๒๓๕  รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม มาตรา ๑๒ “ภายในบังคับแห่งบทบัญญัติ
                 ในรัฐธรรมนูญนี้ บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมาย ฐานันดรศักดิ์ โดยก�าเนิดก็ดี โดยแต่งตั้ง
                 ก็ดี หรือโดยประการอื่นใดก็ดี ไม่กระท�าให้เกิดเอกสิทธิอย่างใดเลย”
                 ๒๓๖  รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๔๐ มาตรา ๓๐  บุคคลย่อม
                 เสมอกันในกฎหมายและได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน
                   ชายและหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน
                   การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลเพราะเหตุแห่งความแตกต่างในเรื่องถิ่นก�าเนิด
                 เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ สภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจ
                 หรือสังคม ความเชื่อทางศาสนา การศึกษาอบรม หรือความคิดเห็นทางการเมืองอันไม่ขัด
                 ต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ จะกระท�ามิได้
                   มาตรการที่รัฐก�าหนดขึ้นเพื่อขจัดอุปสรรคหรือส่งเสริมให้บุคคลสามารถใช้สิทธิ
                 และเสรีภาพได้เช่นเดียวกับบุคคลอื่น ย่อมไม่ถือเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมตาม
                 วรรคสาม






         inside_ThLabourLaw_c1-2.indd   162                                    13/2/2562   16:24:16
   158   159   160   161   162   163   164   165   166   167   168