Page 40 - kpi20680
P. 40
18
รายละเอียดพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งเข้ามาเป็นรัฐบาลอาจจะมีความมุ่งหมายใช้กฎหมายไป
ในทางที่ผิดเน้นใช้ไปทางนโยบายประชานิยมเพื่อหาเสียงจากประชาชน โดยการใช้เงิน ของรัฐลง
ไปในพื้นที่อย่างอดีตที่เคยเป็นมาซึ่งจะส่งผลให้เกิดการใช้งบประมาณแผ่นดินอย่าง สิ้นเปลืองส่งผล
ต่อภาวะทางการเงินและการคลังของประเทศที่สําคัญผลประโยชน์ที่ได้ตกอยู่กับ ประชาชนแต่ตกอยู่
พรรคการเมืองซึ่งมีวัตถุประสงค์แอบแฝงทางการเมืองของนักการเมืองที่เข้ามา บริหารประเทศโดย
การใช้บทบัญญัติของกฎหมายเป็นเครื่องมือในการเรียกคะแนนนิยมนั่นเอง
2) หากเราพิจารณาในเชิงนโยบายของพรรคการเมืองต่างๆในอดีตที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า
มิได้ความแตกต่างในเชิงนโยบายมากนัก จึงมีความจําเป็นจะต้องบัญญัติหน้าที่ของรัฐเอาไว้มีผล
ผูกพันทางกฎหมายเอาไว้ให้ชัดเจน เพื่อเป็นการกําหนดทิศทางของการพัฒนาประเทศให้มั่นคง ไม่
ว่าพรรคการเมืองใดจะเข้ามาเป็นรัฐบาลในอนาคตจะต้องดําเนินการตามหน้าที่ของรัฐอย่างเคร่งครัด
และมีความต่อเนื่อง สืบเนื่องจากบริบททางการเมืองของไทยในอดีตที่ผ่านมามีความขัดแย้งมาโดย
ตลอดส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล รัฐบาลไม่สามารถที่จะอยู่ครบวาระตามที่รัฐธรรมนูญกําหนด
ไว้ 4ปี ประกอบกับรัฐบาลบางคณะเป็นรัฐบาลผสมจากหลายพรรคการเมืองทําให้ความคิดเห็นใน
เชิงนโยบายมีความหลากหลาย ไม่ลงตัว มีการต่อรองผลประโยชน์ และส่งผลทําให้นโยบายไม่มี
ความต่อเนื่องเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลแม้ว่ารัฐเดิมจะดําเนินการริเริ่มนโยบายไว้เป็นอย่างดี
ในทางการเมืองแล้วรัฐบาลที่มาจากพรรคใหม่ก็มักจะไม่สานต่อนโยบายของรัฐบาลเดิม (จรัญ
ภักดีธนากุล, 2560: น.494-495) และในส่วนของการวิเคราะห์ตามแนวคิดของทฤษฎีอําเภอการณ์
โดยพิจารณาตีความจากเจตนารมณ์ของกฎหมายนั้นเองว่ากฎหมายนั้นมีความมุ่งหมายอย่างไร ผู้
ศึกษาเห็นว่าในส่วนของหน้าที่รัฐนั้นชัดเจนว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช
2560 มีเจตนารมณ์หลักในการกําหนดกรอบและควบคุมการใช้อํานาจ ตลอดจนการทํางานของ
รัฐบาลอย่างเคร่งครัดดังปรากฏในหลายบทบัญญัติ โดยเฉพาะการให้อํานาจศาลรัฐธรรมนูญมี
อํานาจวินิจฉัยคดีเกี่ยวกับหน้าที่ของรัฐเพื่อให้เห็นว่าเจตนารมณ์ในการกําหนดหน้าที่ของรัฐไว้ใน
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 เป็นครั้งแรกและอีกทั้งยังมีเจตนารมณ์ให้รัฐมี
หน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติต่อประชาชนในการดําเนินการตามหน้าที่ของรัฐ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดประโยชน์
ต่อประชาชนโดยตรง
ดังนั้นในส่วนของวิเคราะห์เจตนารมณ์ของบทบัญญัติรัฐธรรมนูญว่าด้วยหน้าที่ของรัฐตาม
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 นั้นโดยใช้หลักตีความตามเจตนารมณ์
ประกอบกับทฤษฎีอําเภอจิตและทฤษฎีอําเภอการณ์ควบคู่กัน และใช้องค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับ
หน้าที่ของรัฐมาหยั่งทราบเจตนารมณ์ของหน้าที่ของรัฐดังกล่าว โดยรวมจะเห็นได้ว่าหน้าที่ของรัฐมี
เจตนารมณ์อย่างชัดเจนในการกําหนดภารกิจบทบาทของรัฐ ซึ่งรัฐจะต้องดําเนินการตามหน้าที่