Page 39 - kpi20680
P. 39

17







                              เมื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญในส่วนของหน้าที่ของรัฐแล้วตีความได้ชัดตามหลักการตีความ
                       ตามเจตนารมณ์และแนวคิดของทฤษฎีอําเภอจิต จะเน้นค้นพบเจตนารมณ์ของกฎหมายจาก

                       เจตนารมณ์ของผู้บัญญัติกฎหมายนั้นเองในทางประวัติศาสตร์ ซึ่งในที่นี้พิจารณาจากต้นร่างกฎหมาย

                       นั่นเองพบว่าเจตนารมณ์ของผู้ร่างรัฐธรรมนูญต้องการรัฐมีหน้าที่ต่อประชาชน โดยเป็นไปใน
                       ลักษณะของการบังคับให้รัฐต้องดําเนินการตามหน้าที่ดังกล่าว โดยที่ประชาชนมีต้องร้องขอให้รัฐ

                       ดําเนินการรวมทั้งหากรัฐไม่ดําเนินการ หรือรัฐละเลยการปฏิบัติตามจะก่อให้เกิดสิทธิแก่ประชาชน

                       ในการติดตามเร่งรัดให้รัฐดําเนินการรวมทั้งสิทธิในการฟ้องร้องรัฐได้เพื่อให้ตนได้รับประโยชน์ ซึ่ง
                       สอดคล้องกับบันทึกการให้สัมภาษณ์ของผู้ร่างรัฐธรรมนูญนายมีชัย ฤชุพันธุ์ประธานกรรมการร่าง

                       รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560  ได้ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นการบัญญัติหมวด

                       หน้าที่ ของรัฐไว้ดังนี้
                              “หน้าที่นี้จะมีสภาพบังคับให้รัฐต้องทําต่างจากเดิมที่จะเป็นการเขียนให้เป็นสิทธิของ

                       ประชาชนไว้ เช่น ให้ประชาชนมีสิทธิขอข้อมูลจากรัฐได้ แต่ในทางปฏิบัติรัฐไม่ให้ เช่น ให้

                       ประชาชนมีสิทธิขอข้อมูลจากรัฐได้ แต่ในทางปฏิบัติรัฐไม่ให้ โดยการอ้างระเบียบต่างๆ จึงเขียน

                       กําหนดให้เป็นหน้าที่รัฐแทนว่า ต้องเปิดเผยข้อมูลแก่ประชาชน ซึ่งหากไม่ทําตาม ก็สามารถนําไป
                       ฟ้องทางอาญาหรือฝ่ายรัฐสภาก็อาจจะยกเป็นเหตุละเลยต่ออํานาจหน้าที่ นําไปสู่การเปิดอภิปรายไม่

                       ไว้วางใจ แต่เงื่อนไข เหล่านี้จะไม่กําหนดไว้ในรัฐธรรมนูญที่จะเขียนไว้เพียงกว้างๆ...

                              การกําหนดหน้าที่ของรัฐจําเป็นต้องลงพื้นที่ฟังความคิดเห็นของประชาชนอยากให้รัฐทํา

                       อะไรหรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่า ไม่จําเป็น เพราะบางข้อเสนออาจเป็นไปไม่ได้ที่จะกําหนดไว้
                       รัฐธรรมนูญ เช่น ขอให้กําหนดว่า รัฐบาลต้องกําหนดราคารับซื้อข้าวจากชาวนาเกวียนละ 50,000

                       บาท ซึ่งมันทําไม่ได้ถ้าทําก็ล้มละลายกันหมด ส่วนจะมีการกําหนดให้รัฐต้องสร้างความปรองดอง

                       หรือไม่นั้น มองว่าเขียนลําบากขึ้นอยู่กับว่าเราจะคิดวิธีออกหรือไม่ หากเขียนไปลอยๆว่าให้
                       ปรองดอง โดยไม่มีวิธีดําเนินการเดี๋ยวก็เอาเงินไปแจก” (เดลินิวส์ ,22 ตุลาคม 2558)

                              รัฐธรรมนูญสะท้อนเจตนารมณ์ของหน้าที่ของรัฐไว้ชัดเจนและผู้ศึกษามองว่ายังมี

                       เจตนารมณ์บางประการซึ่งสะท้อนออกมาเป็นข้อสังเกตกล่าวคือ
                              1)  เนื้อหาบทสัมภาษณ์ส่วนหนึ่งซึ่งมีการกล่าวถึงการที่ไม่กําหนดหน้าที่ของรัฐในเชิง

                       นโยบาย เช่น หากประชาชนร้องขอให้กําหนดหน้าที่ของรัฐว่า รัฐต้องรับซื้อราคาข้าวตันละ 50,000

                       บาท เช่นนี้วิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตโดยตีความเจตนารมณ์ของผู้ร่างรัฐธรรมนูญว่าอาจจะเป็นการเปิด
                       ช่องให้พรรคการเมืองบิดเบือนเจตนารมณ์ของผู้ร่างรัฐธรรมนูญ โดยการอ้างความชอบธรรมของ

                       บทบัญญัติรัฐธรรมนูญดังกล่าวไปใช้ในการกําหนดเป็นนโยบายพรรคในการหาเสียงเลือกตั้งเพื่อให้

                       ได้รับเลือกเป็นรัฐบาลมากกว่า หรือการกําหนดให้รัฐต้องสร้างความปรองดองซึ่งหากไม่กําหนด
   34   35   36   37   38   39   40   41   42   43   44