Page 73 - kpi20440
P. 73

การประชุมวิชาการสถาบันพระปกเกล้า    73
                                                                                         ครั้งที่ 20 ประจำาปี 2561
                                                                               ประชาธิปไตยไทย: ก้าวย่างเพื่อการพัฒนา




                  2.  การยอมรับหลักนิติรัฐและหลักนิติธรรมในประเทศไทย : นิติธรรมน�านิติรัฐ



                          ส�าหรับในประเทศไทยนั้น เมื่อมีการปฏิรูประบบกฎหมายให้เป็นแบบแผนอย่างประเทศตะวันตก
                  ในสมัยรัชกาลที่ 6 แนวคิดของหลักนิติรัฐและนิติธรรม ได้รับการเผยแพร่ผ่านนักกฎหมายที่ได้ศึกษาเล่าเรียน

                  จากต่างประเทศ และต่างก็ได้รับการยอมรับในฐานะหลักส�าคัญในอันที่จะผดุงคุณค่าและคุณธรรมของวงการ
                  นิติศาสตร์มาเป็นระยะเวลานาน โดยหลักนิติธรรมนั้นเป็นที่รับรู้และยอมรับในวงกว้างมาก่อน ส่วนหลักนิติรัฐ

                  นั้นแม้จะมีการศึกษาควบคู่มาโดยตลอดแต่ก็ได้รับการยอมรับในวงกว้างเมื่อประเทศไทยมีการปรับโครงสร้าง
                  ของระบบกฎหมายเป็นไปในแนวทางเดียวกับระบบในภาคพื้นทวีปยุโรป จนในที่สุดก็ได้รับการบัญญัติไว้ใน

                  รัฐธรรมนูญโดยมีความเกลื่อนกลืนไปกับหลักนิติธรรม


                          ประเทศไทยใช้ระบบกฎหมายแบบลายลักษณ์อักษร (Civil Law) ซึ่งเป็นระบบที่บัญญัติกฎหมายเป็น
                  เอกสารที่ชัดเจนรวมกันเป็นประมวลกฎหมาย การใช้กฎหมายนั้นใช้วิธีตีความเทียบเคียงกับมาตรากฎหมายที่เป็น

                  ลายลักษณ์อักษร โดยยึดเจตนาของกฎหมายเป็นที่ตั้ง มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6   ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง
                                                                                  14
                  การปกครอง ใน พ.ศ. 2475 มีการจัดท�ารัฐธรรมนูญลายลักษณ์อักษรขึ้น มีการบัญญัติหลักความเป็นกฎหมาย

                  สูงสุดของรัฐธรรมนูญ หลักการแบ่งแยกการใช้อ�านาจอธิปไตย รวมถึงการรับรองสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน
                  ท�าให้โดยโครงสร้างการเมืองการปกครอง ประเทศไทยน่าจะมีความเข้าใจและยอมรับในหลักเรื่องนิติรัฐในฐานะ

                  หลักส�าคัญของการจัดระบบกฎหมายลายลักษณ์อักษร แต่ในความเป็นจริงกลับมิได้เป็นไปในท�านองดังกล่าว ใน
                  ทางตรงข้าม นักกฎหมายไทยกลับมีความคุ้นเคย รวมทั้งรับรู้หลักนิติธรรมที่มีพัฒนาการมาจากระบบกฎหมาย

                  จารีตประเพณี(Common law) ในฐานะหลักกฎหมายที่ส�าคัญมาโดยตลอด ทั้งนี้เนื่องด้วยลักษณะเฉพาะของ
                  การจัดระบบการศึกษากฎหมายของประเทศไทยที่มีการผสมผสานแนวคิดและการปฏิบัติการทางวิชาชีพกฎหมาย

                  ร่วมกันไปทั้งสองระบบ โดยในขณะที่มีการตรากฎหมายเป็นลายลักษณ์อักษรในรูปแบบประมวลกฎหมาย พระราช
                  บัญญัติ และกฎหมายล�าดับรอง แต่ในการสร้างนักกฎหมายวิชาชีพ ไม่ว่าจะเป็น ผู้พิพากษา อัยการ ทนายความ

                  กลับได้รับอิทธิพลมาจากระบบกฎหมายจารีตประเพณีของอังกฤษ ตั้งแต่ศึกษาในชั้นเนติบัณฑิต และการพิจารณา
                  พิพากษาคดีของศาลยุติธรรม ที่เน้นให้ความส�าคัญกับการให้เหตุผลในแนวค�าพิพากษาของศาล โดยเฉพาะ

                  ศาลฎีกา เป็นแนวทางในการตีความกฎหมายลายลักษณ์อักษรที่ก�าหนดไว้อยู่


                          ลักษณะเฉพาะของระบบกฎหมายไทยเช่นนี้ ท�าให้การเผยแพร่หลักนิติธรรมโดยนักกฎหมายไทยที่
                  ส�าเร็จการศึกษาจากประเทศอังกฤษ สร้างการยอมรับในหมู่นักกฎหมายไทยโดยเฉพาะในหมู่ผู้พิพากษาที่อิทธิพล

                  ของกฎหมายจารีตประเพณียังมีอยู่มาก โดยเริ่มจากที่ศาสตราจารย์วิกรม เมาลานนท์ ได้แปลบัญญัติเอเธนส์
                  ค.ศ.1958 ซึ่งได้รับการบัญญัติขึ้นภายการประชุมเกี่ยวกับ Rule of law เผยแพร่ในวารสารดุลพาหเมื่อ พ.ศ.

                  2498 เป็นเหตุให้มีการตื่นตัวในเรื่องนี้และต่างคิดประดิษฐ์ค�าเพื่อใช้เรียกหลักนี้ในภาคภาษาไทยมากขึ้น   โดยที่
                                                                                                     15



                  14   ระบบกฎหมาย, http://www.thethailaw.com/law/law4/more4-1-3.html เข้าถึงเมื่อ 5 ตุลาคม 2558.
                  15   ประสิทธิ์ โฆวิไลกูล, “หลักนิติธรรม (rule of law)” ใน เหลียวหลังดูกฎหมายและความยุติธรรม, กรุงเทพ: มูลนิธิศาสตราจารย์

                  ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน ร่วมกับส�านักพิมพ์นิติธรรม, 2540, หน้า13-14.
   68   69   70   71   72   73   74   75   76   77   78