Page 69 - kpi20440
P. 69

การประชุมวิชาการสถาบันพระปกเกล้า    69
                                                                                         ครั้งที่ 20 ประจำาปี 2561
                                                                               ประชาธิปไตยไทย: ก้าวย่างเพื่อการพัฒนา




                          ประการแรก หลักความศักดิ์สิทธิ์หรือสถานะความเป็นกฎหมายสูงสุดของกฎหมายธรรมดา กล่าวคือ

                  กฎหมายธรรมดาเท่านั้นจะเป็นเครื่องชี้วัดว่าบุคคลใดจะต้องรับโทษทั้งทางด้านร่างกาย หรือทางทรัพย์สินหรือ
                  ไม่ โดยกรณีจะต้องปรากฏข้อเท็จจริงที่ว่าบุคคลดังกล่าวกระท�าการขัดต่อกฎหมายธรรมดาผ่านการวินิจฉัยของ

                  ศาลธรรมดา (ordinary court) ด้วยระบบดังกล่าวก็จะเป็นการจ�ากัดระบบของการใช้อ�านาจตามอ�าเภอใจ หรือ
                  แม้แต่การใช้ดุลพินิจอย่างกว้างขวางของผู้ปกครองในการใช้อ�านาจด้วย


                          ประการที่สอง หลักความเสมอภาคทางกฎหมาย หลักการนี้กล่าวว่า นอกจากจะไม่มีบุคคลอยู่

                  เหนือกฎหมายแล้ว บุคคลใด ๆ ย่อมต้องตกอยู่ภายใต้การบังคับใช้กฎหมายธรรมดาฉบับเดียวกันไม่ว่าจะอยู่
                  ในชนชั้นใดก็ตาม ทั้งนี้ การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวผ่านทางการพิจารณาพิพากษาอรรถคดีโดยศาลธรรมดา

                  ดังนั้น ในกรณีดังกล่าว หลักนิติธรรมจึงแสดงให้เห็นว่าแนวความคิดที่จะก�าหนดข้อยกเว้นให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ
                  หรือบุคคลใด ๆ ว่าไม่จ�าเป็นต้องปฏิบัติตามตัวบทกฎหมาย หรือแม้กระทั่งเป็นการแก้ไขตัวบทกฎหมายอันส่งผล

                  เป็นการตัดเขตอ�านาจศาลในการวินิจฉัยชี้ขาดคดีนั้นท�าไม่ได้

                          และประการที่สาม หลักการก่อให้เกิดหลักการทางกฎหมายรัฐธรรมนูญโดยกฎหมายธรรมดา กล่าวอีก

                  นัยหนึ่ง สิทธิเสรีภาพต่าง ๆ อาทิ สิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล เสรีภาพในการชุมนุมในที่สาธารณะ ฯลฯ ของประชาชน

                  ชาวอังกฤษเกิดขึ้นมาได้โดยเป็นผลมาจากการตัดสินอรรถคดีของศาล ในขณะที่ต่างประเทศ รัฐธรรมนูญเองเป็น
                  ผลให้เกิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน


                           ถือว่า Dicey เป็นผู้ริเริ่มและท�าให้ Rule of Law แพร่หลายในประเทศที่ใช้ระบบกฎหมายจารีต
                  ประเพณี แต่การที่แนวคิดของ Dicey ยกย่องความเสมอภาคกันในกฎหมายธรรมดาอย่างทัดเทียมกันไม่ว่าจะ

                  เป็นชนชั้นใด จนถึงขั้นไม่ยอมรับอ�านาจดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ ไม่ยอมรับระบบศาลปกครอง โดยมองว่าเป็นระบบ

                  กฎหมายที่ให้อภิสิทธิ์แก่บรรดาเจ้าหน้าที่ของรัฐ และสนับสนุนความสูงสุดของรัฐสภามากกว่าความสูงสุดของ
                  รัฐธรรมนูญ ท�าให้อังกฤษมีพัฒนาการของหลักกฎหมายปกครองล่าช้าเช่นกัน  2


                          นักคิดฝ่ายแองโกลแซกซอนในรุ่นถัดมาได้พัฒนาหลักนิติธรรมคลาสสิกของ Dicey ให้ชัดเจนขึ้น เช่น
                  Lon L. Fuller นักนิติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงชาวอเมริกันที่เห็นว่ากฎหมายที่จะท�าให้หลักนิติธรรมปรากฏเป็นจริงได้

                                         3
                  นั้นต้องมีลักษณะส�าคัญ คือ   กฎหมายจะต้องบังคับเป็นการทั่วไปกับบุคคลทุกคน ไม่เว้นแม้แต่องค์กรเจ้าหน้าที่
                  ของรัฐ กฎหมายจะต้องได้รับการประกาศใช้อย่างเปิดเผย กฎหมายจะต้องได้รับการตราขึ้นให้มีผลบังคับไปใน

                  อนาคต ไม่ใช่ตราขึ้นเพื่อใช้บังคับย้อนหลังไปในอดีต กฎหมายจะต้องได้รับการตราขึ้นโดยมีข้อความที่ชัดเจน






                  2   ชาญชัย แสวงศักดิ์, พัฒนาการของกฎหมายมหาชนในต่างประเทศและในประเทศไทย, กรุงเทพ:วิญญูชน, 2538, หน้า 103.
                  3   L. L. Fuller, The Morality of law, Revised Edition, New Haven : Yale University Press, 1969. pp. 46-91.
                  อ้างใน วรเจตน์ ภาคีรัตน์, “หลักนิติร�ฐและหลักนิติธรรม”, http://public-law.net/publaw/view.aspx?id=14311 เข้าถึง
                  เมื่อ 25 กรกฎาคม 2561
   64   65   66   67   68   69   70   71   72   73   74