Page 159 - kpi20440
P. 159
การประชุมวิชาการสถาบันพระปกเกล้า 159
ครั้งที่ 20 ประจำาปี 2561
ประชาธิปไตยไทย: ก้าวย่างเพื่อการพัฒนา
ปฏิบัติการซึ่งหน้าท้าทาย ฯลฯ) ผู้คนเหล่านี้เข้าไปพัวพัน (engage) กับการเมืองอย่างเอาจริงเอาจัง ด้วยการ
วิพากษ์รัฐบาลและสถาบันในระบอบประชาธิปไตยแบบตัวแทน ในขณะเดียวกันก็ผลักดันค่านิยมใหม่ ๆ ด้าน
ประชาธิปไตย (เช่น การเสนอประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมหรือประชาธิปไตยทางตรง ประชาธิปไตยแบบถอนราก
ถอนโคลน ฯลฯ ซึ่งมาเป็นการเสนอคุณค่า ความเชื่อใหม่ด้านประชาธิปไตยที่มาจากขบวนการทางสังคมใหม่)
ค�าถามก็คือ ผู้คนเหล่านี้มีวัฒนธรรมทางการเมืองแบบมีส่วนหรือไม่ และมีวัฒนธรรมพลเมืองหรือ
ไม่ ค�าตอบคือ เป็นที่ชัดแจ้งว่า ผู้คนเหล่านี้ไม่ได้เป็นนักประชาธิปไตยผู้ภักดีของตัวแบบวัฒนธรรมพลเมืองตาม
นิยามของ Almond และ Verba เพราะไม่ได้สะท้อนความภักดีต่อระบบการเมือง ในทางทฤษฎีตามแนวคิด
วัฒนธรรมทางการเมือง เมื่อใดก็ตามเกิดความไม่สอดคล้องระหว่างแบบของวัฒนธรรมทางการเมืองกับระบอบ
การปกครองจะน�ามาสู่ความไร้เสถียรภาพและประสิทธิภาพ หรือกล่าวอีกแบบหนึ่งก็คือ ในเมื่อพลเมืองไม่มี
วัฒนธรรมพลเมืองระบอบประชาธิปไตยจะสั่นคลอน แต่ปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้กลับเป็นไปในทางตรงกันข้ามกัน
กล่าวคือ การตระหนักและอ้างสิทธิ์ในฐานะพลเมืองของผู้คนภายใต้ปฏิบัติการต่าง ๆ ที่กล่าวมาสะท้อนให้เห็นถึง
ปฏิบัติการของถ่ายโอนอ�านาจออกจากผู้แทน/ตัวแทน(เพราะด้วยไม่เชื่อมั่นผู้แทนหรือตัวแทน)มาใช้เองโดยตรง
มากยิ่งขึ้น ปรากฏการณ์เหล่านี้แม้จะไม่มีลักษณะ “พลเมืองที่เข้มแข็ง” ตามตัวแบบวัฒนธรรมพลเมือง(ดี) แต่
น่าจะเป็นกระท�าการของพลเมืองในการสร้างประชาธิปไตยให้มีคุณภาพสูงเด่นยิ่งขึ้น มากกว่าจะเป็นพฤติกรรม
การแสดงออกทางการเมืองหรือวัฒนธรรมทางการเมืองในลักษณะ “พลเมืองไม่ดี”
บทเรียนส�าคัญในการสร้างพลเมืองเข้มแข็งก็คือ สะท้อนให้เห็นว่า เงื่อนไขส�าคัญก็คือ สังคมการเมือง
จะต้องขยายพื้นที่กลไก หรือช่องทางการเมืองให้พลเมืองเข้มแข็งสามารถปฏิบัติการในฐานะพลเมืองได้ เพราะ
พื้นที่กลไกการเมืองในระบบการเมืองที่ลงหลักปักฐานอยู่เดิมไม่ตอบสนองชีวิตทางสังคมการเมืองได้อย่าง
เพียงพอ (และแนวการศึกษาวัฒนธรรมทางการเมืองมองว่า ผู้คนที่มีวัฒนธรรมแบบพลเมืองจะต้องภักดีกับระบบ
ที่ไม่สามารถท�างานได้อย่างเพียงพอเหล่านี้)
ในขณะที่ประเทศก�าลังพัฒนาก็มีความเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมทางการเมืองอันเป็นผลมาจากกระบวนการ
ท�าให้เป็นสมัยใหม่และโลกาภิวัตน์ งานวิจัยต่าง ๆ ได้ชี้เห็นความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เนื่องจากผลของพลัง
สองประการที่กล่าวมานี้ได้น�ามาซึ่งการขยายตัวของการศึกษา การเข้าถึงสื่อสารมวลชน การก่อเกิดอาชีพและ
วิชาชีพใหม่ ๆ ซึ่งได้ผนวกผู้คนเข้ากับเศรษฐกิจระดับชาติ น�ามาสู่ความเป็นผู้มีโลกทัศน์ที่กว้างไกล กระบวนการ
ท�าให้เป็นสมัยใหม่ก่อให้เกิดความตระหนักรู้ทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นในหมู่ประชาชนวงกว้าง และได้พัฒนาคุณค่า
ความเชื่อ ซึ่งสอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตย จะเห็นได้ว่าหากเปรียบเทียบกับสภาวการณ์ในช่วงราวทศวรรษ
ที่ 1950-1960 มีความแตกต่างกันอย่างมาก ดังตัวอย่างที่จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า แม้ในประเทศที่ยากจนที่สุด
ประชาชนก็ล้วนมีโทรศัพท์มือถือ สามารถเข้าถึงสื่อทางสังคมรูปแบบต่าง ๆ ได้ดูโทรทัศน์ดาวเทียม ฯลฯ ดังนั้น
จะเห็นได้ว่า แทบจะไม่มีงานศึกษาที่บรรยายให้เห็นถึงวัฒนธรรมทางการเมืองแบบคับแคบ “โลกวันนี้แคบลง
23
กว่าในยุคซึ่ง Almond และ Verba บุกเบิกการศึกษาภายใต้แนวคิดวัฒนธรรมทางการเมืองอย่างมาก”
23 Dalton and Doh Chull, Lbid. p.6.