Page 163 - kpi20440
P. 163
การประชุมวิชาการสถาบันพระปกเกล้า 163
ครั้งที่ 20 ประจำาปี 2561
ประชาธิปไตยไทย: ก้าวย่างเพื่อการพัฒนา
เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงไม่ใช่เป็นเรื่องน่าแปลกส�าหรับสังคมการเมืองไทย กล่าวคือ การสร้างและจรรโลง
ประชาธิปไตยจึงเป็นไปในแนวทางของการอบรม สั่งสอนประชาชน การด�าเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไป ดังเช่น
เมื่อแรกประกาศใช้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับชั่วคราวและถาวรหลังการปฏิวัติ 24 มิถุนายน 2475 ที่ก�าหนดให้มี
ส.ส. 2 ประเภทคือ ประเภทเลือกตั้งและแต่งตั้ง รัฐธรรมนูญ 2520 ก�าหนดขั้นตอนในการพัฒนาประชาธิปไตย
3 ขั้นตอน กล่าวคือ โครงการพัฒนาประชาธิปไตย 12 ปีกล่าวคือ ในช่วง 4 ปีแรก เป็นการปกครองโดยรัฐบาล
คณะปฏิวัติ เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับประชาชน ช่วง 4 ปีที่ 2 เริ่มผ่อนคลายโครงสร้าง สถาบันทางการเมือง
และกระบวนการทางการเมืองแบบประชาธิปไตย
ต่อมา รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2521 เป็นรัฐธรรมนูญที่ก�าหนดระบบการเมืองให้ (ในระยะเวลา 4 ปีแรก)
นายกรัฐมนตรีไม่ต้องมาจาก ส.ส. ให้ข้าราชการเป็นรัฐมนตรีได้ ผู้สมัครส.ส.ยังไม่ต้องสังกัดพรรคการเมือง วุฒิสภา
4 ปีแรก เป็นสภาค�้าจุนอ�านาจการเมืองรัฐบาล กล่าวคือ เป็นข้าราชการประจ�าได้ และแต่งตั้งโดยนายกรัฐมนตรี
และมีอ�านาจเท่ากับ ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้ง การเมืองไทยในช่วงนั้นจึงมีลักษณะ “ระบอบประชาธิปไตยครึ่งใบ”
การก้าวเข้าสู่ประชาธิปไตยเต็มใบ ภายใต้ประชาธิปไตยแบบตัวแทน แต่สังคมไทยเผชิญปัญหา
ประชาธิปไตยที่ส�าคัญคือ การซื้อสิทธิ-ขายเสียง และการทุจริต คอรัปชันจนกระทั่งน�ามาสู่การรัฐประหารโดย
คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ(รสช.) เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 ในช่วงหลังการยึดอ�านาจโดย คณะ รสช.
รัฐบาล นายอานันท์ ปันยารชุน ได้ด�าเนินกระบวนการตรวจสอบความร�่ารวยผิดปกตินักการเมือง และที่ส�าคัญ
คือ ได้วางแผนการพัฒนาประชาธิปไตยโดยจัดตั้ง “โครงการเผยแพร่ประชาธิปไตยระดับหมู่บ้าน” (หรือที่เรียกว่า
“โครงการสี่ทหารเสือ”)
ภายใต้การมองปัญหาการสร้างและจรรโลงประชาธิปไตยดังกล่าวนี้ได้น�ามาสู่โครงการพัฒนาประชาธิปไตย
ซึ่งมีลักษณะคล้าย ๆ กันเกิดขึ้นมากมาย เช่น โครงการแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง ในช่วงรัฐบาลพลเอกเปรม
ติณสูลานนท์ โครงการคุณธรรมน�าไทย รวมทั้งช่วงหลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ผู้ที่มีบทบาทน�าท่านหนึ่ง
ในคณะรัฐประหารได้เสนอทางออกของปัญหาประชาธิปไตยเช่นนี้ได้อย่างชัดเจนด้วยการจัดตั้งศูนย์การพัฒนา
การเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(ศพป.) กระทรวงมหาดไทย และ
โครงการอาสาสมัครประชาธิปไตย(อสพป.) โดยมีค�าขวัญว่า “พัฒนาประชาธิปไตย ถูกต้อง เป็นธรรม เป็นไทย”
4.2 “พลเมืองเข้มแข็ง” จากเบื้องล่าง
ท่ามกลางการสร้างพลเมืองผู้จงรักภักดีต่อระบบการเมือง และวัฒนธรรมทางการเมืองแบบพลเมือง
(ดี) โดยการอบรม สั่งสอน ในอีกทิศทางหนึ่ง ตลอดระยะเวลาราว 2-3 ทศวรรษที่ผ่าน ปรากฏการณ์ส�าคัญก็คือ
การเกิดขึ้นของประชาสังคม การเมืองภาคประชาชนซึ่งมีกลุ่มก้อนผู้คนมากมายที่ได้รับผลกระทบจากการ
พัฒนาหรือโครงการขนาดใหญ่ของรัฐผู้คนเหล่านี้มีประสบการณ์ต่อปัญหาการใช้อ�านาจรัฐและได้รวมตัวกันเป็น
ขบวนการเคลื่อนไหวคัดค้าน ต่อรองกับนโยบายรัฐ ปัญหาคือ เราจะอธิบายอย่างไรว่าการรวมตัวของกลุ่มคน
เหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะมีจิตส�านึกความเป็นพลเมือง ซึ่งมิใช่มีแต่การเคลื่อนไหวในรูปแบบความขัดแย้ง