Page 166 - kpi20440
P. 166
KPI Congress 20th
166
2018
Thai Democracy on the Move
ผ่านบทบัญญัติต่าง ๆ ของรัฐธรรมนูญและกฎหมายต่าง ๆ ซึ่งมีบทบัญญัติต่าง ๆ ที่ภาคประชาสังคม/ภาคประชาชน
ขบวนการเคลื่อนไหวคนจน คนด้อยอ�านาจ ด้อยโอกาส พยายามผลักดันให้เกิดการขยายพื้นที่ช่องทาง กลไก
ทางการเมืองต่าง ๆ อาจจะเรียกว่า “การเมืองภาคประชาชนเชิงสถาบัน” มองในแง่ของการสร้างและจรรโลง
ประชาธิปไตยสะท้อนให้เห็นว่า พลเมืองผู้ตระหนักสิทธิ์ ได้สร้างและขยายประชาธิปไตยแบบตัวแทนที่เต็มใบมา
ตั้งแต่ยุคพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ให้เพียงพอที่จะท�าให้ผู้คนเข้าไปใช้สิทธิ์ในฐานะพลเมืองในการบรรลุเป้าหมาย
ชีวิตในสังคมการเมืองที่มีระบบการเมืองปกติหรือโครงสร้างสถาบันทางสังคมการเมืองมีความจ�ากัด ไม่เพียงพอ
มองจากมิติดังกล่าวนี้ การสร้าง “พลเมืองที่เข้มแข็งจากเบื้องล่าง” ไม่อยู่ในจินตนาการภายใต้รัฐธรรมนูญ
ฉบับ 2560 และภายใต้ระบอบการเมืองการปกครองที่ลงหลักปักฐานมาตั้งแต่หลังรัฐประหาร 22 พฤษภาคม
2557 หรือมีอยู่ก็เบาบางอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับรัฐธรรมนูญฉบับก่อนหน้านี้ทั้งสองฉบับ
5. ปัญหำและประเด็นถกเถียงบำงประกำรเกี่ยวกับ
ควำมเข้ำใจและกำรสร้ำง “พลเมืองที่เข้มแข็ง”
ช่วง 5 ทศวรรษที่ผ่านมา ตั้งแต่ Almond และ Verba เสนอตัวแบบวัฒนธรรมพลเมืองดี ในฐานะ
ทฤษฎีแบบวิทยาศาสตร์ส�าหรับการอธิบายการพัฒนาประชาธิปไตย และใช้วิธีการศึกษาเชิงประจักษ์ด้วย
การส�ารวจมติมหาชนเพื่อทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบของทัศนคติและความโน้มเอียงของผู้คนในแต่ละ
ประเทศ(สหรัฐอเมริกา อังกฤษ เยอรมัน อิตาลี และเม็กซิโก) ว่ามีความสอดคล้องหรือไม่กับโครงสร้างของระบบ
การเมือง แนวคิดวัฒนธรรมทางการเมืองดังกล่าวได้บุกเบิกการศึกษาทางรัฐศาสตร์ที่ส�าคัญและมีพัฒนาการมา
อย่างต่อเนื่องยาวนาน เมื่อเวลาผ่านไปราวกว่า 50 ปี ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะเกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ดังได้พิจารณา
มาแล้ว ส่วนสุดท้ายนี้ จะเป็นการประมวลให้เห็นข้อถกเถียงและข้อสังเกตบางประการที่ส�าคัญ
ประการแรกคือ ในสภาพการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปมากในปัจจุบันอันเป็นผลมาจากพลังของกระบวนการ
ท�าให้เป็นสมัยใหม่และโลกาภิวัตน์ซึ่งท�าให้ผู้คนได้รับการปลดปล่อยจากความไม่รู้หนังสือ ความยากจน ตลอดจน
พลังของกระบวนการสร้างและจรรโลงประชาธิปไตย และการพัฒนาเศรษฐกิจท�าให้เกิดการรับรองสิทธิทาง
การเมืองและสิทธิพลเมืองอย่างกว้างขวาง จึงท�าให้การศึกษาวัฒนธรรมทางการเมืองแบบเดิมกล่าวคือ
เอกสารประกอบการประชุมกลุ่มย่อยที่ 4
การสร้างมาตรวัดเพื่อทดสอบว่า ในแต่ละสังคมการเมืองมีวัฒนธรรมทางการเมืองแบบไหน และพิจารณาว่า
เหตุใดจึงมีวัฒนธรรมทางการเมืองเช่นนั้น โดยมุ่งเป้าไปยังกระบวนการกล่อมเกลาทางสังคม และบทบาทของ
สถาบันองค์กรที่ท�าหน้าที่ในการกล่อมเกลา ตั้งแต่เด็กจนกระทั่งเป็นผู้ใหญ่ว่าท�าหน้าที่อย่างไร บกพร่องอย่างไร
และมีนัยว่าควรเข้าไปอบรบกล่อมเกลา ให้ความรู้สถาบันดังกล่าวนี้ให้ท�าหน้าที่สร้างวัฒนธรรมทางการเมือง
แบบมีส่วนร่วม หรือวัฒนธรรมพลเมือง จึงถอยความนิยมลงไป และการศึกษาวัฒนธรรมทางการเมืองแบบ
เดิมจึงดูเหมือนไม่มีความจ�าเป็นมากนัก แต่ก็พบว่า นักวิชาการจ�านวนมากและชนชั้นผู้มีอ�านาจตัดสินใจทาง
การเมืองยังไม่ก้าวข้ามประเด็นดังกล่าวนี้