Page 350 - kpi19903
P. 350

313



                       ตัวแปรภูมิศาสตร์ตัวแปรที่สองที่มีความสัมพันธ์กับผลการเลือกตั้งคือร้อยละของการใช้ประโยชน์ที่ดินซึ่ง
               พบว่าเขตเลือกตั้งที่มีพื้นที่เกษตรกรรมสูงพบการท าบัตรเสียสูง ส่วนเขตเลือกตั้งที่มีพื้นที่เมืองและสิ่งปลูกสร้าง เช่น

               ในกรุงเทพมหานคร มีแนวโน้มจะไม่มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งสูง ผลการศึกษาเรื่องการใช้ประโยชน์ที่ดินยังสนับสนุนการ

               แบ่งแยกทางการเมือง (Political divide) ระหว่างสังคมเมืองและสังคมชนบทอยู่ ซึ่งสอดคล้องกับผลการศึกษา
               ก่อนหน้านี้ที่พบว่า ชาวกรุงเทพฯทั้งที่อยู่ในเมืองและชานเมืองที่มีระดับการมีส่วนร่วมทางการเมืองต่ ากว่าผู้อาศัย

               อยู่ในจังหวัดอื่น  (ถวิลวดี บุรีกุล & โรเบิร์ต บี. อัลบริตตัน, 2550) ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าคนในพื้นที่

               เกษตรกรรมมีความสนใจในพฤติกรรมการใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากกว่าพื้นที่เมืองซึ่งมีแนวโน้มไม่มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งและ
               ออกเสียงไม่ประสงค์ลงคะแนนเมือง สอดคล้องกับการศึกษารูปแบบการมีส่วนร่วมทางการเมืองที่พบว่าผู้ที่อาศัย

               อยู่ในชนบทไม่ได้มีความสนใจในทางการเมืองน้อยไปกว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในชุมชนเมือง (Stithorn Thananithichot,

               2011)
                       การศึกษาหลายๆการศึกษาให้เหตุผลเป็นแนวทางเดียวกันเกี่ยวกับการมองการเมืองการเลือกตั้งที่แตกต่าง

               กันของคนเมืองและคนชนบท เช่นทฤษฎีสองนคราประชาธิปไตย ที่มองว่าคนชนบทเป็นฐานเสียง คนเมืองเป็นฐาน

               นโยบายแล้ว ยังมีการให้เหตุผลในทางเศรษฐศาสตร์ตามทฤษฎีของดาวน์ที่มองว่าผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจะมองถึง
               ประโยชน์ที่ตนจะได้รับจากการเลือกพรรคหรือผู้สมัครคนใดคนหนึ่งว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไร ดังนั้นในการลงคะแนน

               เสียงเลือกตั้ง แต่ละคนจะปฏิบัติตนอย่างมีเหตุสมผลในการแสวงหาเป้าหมายทางการเมืองเฉพาะตนคือคิดค านวณ

               ถึงผลประโยชน์ที่ได้เป็นหลัก (Downs, 1957a) เช่นการศึกษาเกี่ยวกับภาพในความคิด (Stereotype) ของ
               ประชาชน พบว่าการเลือกตั้งของคนในสังคมเมืองมีฐานคิดที่ซับซ้อน เช่นมีการพิจารณาจากนโยบายที่จะท าให้

               ตนเองได้ประโยชน์สูงสุด คนในสังคมชนบทเน้นเรื่องบุญคุณสายสัมพันธ์ และระบบอุปถัมภ์ (Patronage system)

               อันเป็นสิ่งที่มีดั้งเดิมมาในสังคมเกษตรกรรม การเลือกตั้งเป็นการหาตัวแทนซึ่งน ามาสู่อรรถประโยชน์สูงสุดของคน
               ชนบท (อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ et al., 2557)

                       การศึกษาหลายๆชิ้นพบว่ากระบวนการตัดสินใจเลือกตั้งของชาวชนบทไม่ได้มาจากการซื้อสิทธิ์ขายเสียง

               เพียงอย่างเดียว ดังเช่นที่ปรากฏในงานเขียนเรื่อง มายาคติและการเมืองของนิทานสอนใจว่าด้วยความโง่ จน เจ็บ
               ของผู้เลือกตั้งชนบท โดยที่ผู้เขียนพยายามที่จะให้นักรัฐศาสตร์ หรือผู้ที่ศึกษาการเมืองการเลือกตั้ง มองออกไปจาก

               กรอบแนวคิดที่ว่าชาวบ้านเป็นผู้ร้ายในระบอบประชาธิปไตย ตัวการปัญหาของการสร้างประชาธิปไตยในสังคมไทย

               คือคนชนบท โง่ จน เจ็บ สมคบคิดร่วมกันกับนักการเมืองในการก่ออาชญากรรมทางการเมืองท าให้การเมืองไทย
               เต็มไปด้วยการคอรัปชั่นและปราศจากศีลธรรม (ประจักษ์ ก้องกีรติ, 2555) แต่เหตุผลของการเลือกมีความซับซ้อน

               กว่านั้น การแสดงออกทางการเมืองของคนชนบทในช่วงหลายปีที่ผ่านมาสะท้อนถึงความรู้ความเข้าใจในเรื่องสิทธิ

               และผลประโยชน์ที่คนชนบทพึงมีพึงได้ในระบอบการเมืองแบบประชาธิปไตย โดยที่การเมืองถูกใช้เป็นเครื่องมือ
               ส าคัญของการได้มาซึ่งโอกาสในการพัฒนาตนเองและท้องถิ่น (จักรกริช สังขมณี, 2554a)
   345   346   347   348   349   350   351   352   353   354   355