Page 345 - kpi19903
P. 345
308
ประชาธิปัตย์ ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์จะได้คะแนนจากเขตเลือกตั้งที่มีคนรวย ส่วนพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย
และพรรคชาติไทยพัฒนา จะได้คะแนนจากเขตเลือกตั้งที่คนมีรายได้น้อย
ทั้งนี้การศึกษาพฤติกรรมการเลือกตั้งของไทย ปี 2550 พบว่าคนที่อาศัยอยู่ในครัวเรือนที่มีระดับรายได้
ครัวเรือนไม่สูง จะมีความนิยมพรรคพลังประชาชนเป็น และไม่ชื่นชอบในพรรคประชาธิปัตย์และนายอภิสิทธิ์
ตรงกันข้ามคนที่อาศัยอยู่ในครัวเรือนที่มีระดับรายได้ครัวเรือนสูงมีแนวโน้มที่จะมีความนิยมในระดับที่สูงต่อพรรค
ประชาธิปัตย์ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่ไม่นิยมในพรรคพลังประชาชน (อรรถสิทธิ์ พานแก้ว, 2556a)
อย่างไรก็ตามการศึกษานี้ยังมีข้อค้นพบที่ต่างไปจากการศึกษาของอรรถสิทธิ์ พานแก้ว คือเขตเลือกตั้งที่มี
รายได้สูงจะไม่เลือกพรรคพรรคภูมิใจไทย และพรรคชาติไทยพัฒนา แต่การศึกษาของอรรถสิทธิ์ พานแก้วพบว่า
ความนิยมในพรรคมัชฌิมาธิปไตย กับพรรคชาติไทย และนายบรรหาร ศิลปอาชา นั้นนั้นจะเป็นคนที่อาศัยอยู่ใน
ครัวเรือนที่มีระดับรายได้ครัวเรือนที่สูง (อรรถสิทธิ์ พานแก้ว, 2556a) ดังนั้นคนที่เลือกพรรคภูมิใจไทยกับ
พรรคชาติไทยพัฒนาอาจจะเป็นคนที่มีรายได้สูงตามการศึกษาของอรรถสิทธิ์ พานแก้ว แต่เขตเลือกตั้งที่มีรายได้สูง
นั้นไม่มีแนวโน้มจะเลือกสองพรรคนี้ โดยสองพรรคนี้ได้คะแนนจากกลุ่มเล็ก ๆ ในบางจังหวัดเท่านั้น นั่นคือไม่ได้
หมายความว่าสองพรรคนี้จะชนะการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่มีรายได้สูง
เช่นเดียวกับผลการเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกาที่พบว่า คนร่ ารวยมีแนวโน้มจะเลือกพรรค Republican
ในขณะที่คนยากจนมีแนวโน้มจะเลือกพรรค Democrat แต่รัฐที่ร่ ารวยมีแนวโน้มจะเลือกพรรค Democrat
ในขณะที่รัฐที่ยากจนมีแนวโน้มจะเลือกพรรค Republican หากเป็นเช่นนี้จะเห็นว่าผลการศึกษามีความย้อนแย้ง
จึงศึกษาลงไปอีกจนพบว่าคนร่ ารวยในรัฐร่ ารวยนั้นมีแนวโน้มจะเป็นเสรีนิยม (Liberal) ซึ่งมีแนวโน้มจะเลือกพรรค
Democrat ในขณะที่คนร่ ารวยในรัฐที่ยากจนนั้นมีแนวโน้มที่จะเป็นอนุรักษ์นิยม (Conservative) ซึ่งมีแนวโน้มจะ
เลือกพรรค Republican (Andrew Gelman, 2010) และยังพบว่าเขตเลือกตั้งที่มีสัมประสิทธิ์ความไม่เท่าเทียม
ของรายได้ในสัดส่วนที่สูงมีแนวโน้มที่จะเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนเขตเลือกตั้งที่มีสัมประสิทธิ์ความไม่เท่าเทียม
ของรายจ่าย และสัดส่วนคนจนสูงมีแนวโน้มที่จะเลือกพรรคภูมิใจไทย
เขตเลือกตั้งที่มีรายได้และรายจ่ายสูงมีแนวโน้มที่จะพบบัตรเสียน้อยลง แต่มีบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน
เพิ่มขึ้น และไม่มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง เช่นเดียวกับการศึกษาพฤติกรรมการเลือกตั้งก่อนหน้านี้ที่พบว่าคนที่อยู่ใน
ครอบครัวที่มีรายได้ในระดับต่ ามีแนวโน้มที่จะออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งมากกว่าคนที่อยู่ในครอบครัวที่มีระดับรายได้
สูง (อรรถสิทธิ์ พานแก้ว, 2556a)
ส าหรับความสัมพันธ์ระหว่างระดับการศึกษากับผลการเลือกตั้งพบว่าการวิเคราะห์ระดับบุคคลไม่พบ
ความสัมพันธ์ระหว่างระดับการศึกษากับพรรคการเมืองที่เลือกส าหรับการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต และพบว่า
ประชาชนที่ไม่เคยเรียนหนังสือมีแนวโน้มจะเลือกพรรคการเมืองอื่นๆ ส าหรับการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ
นอกจากนี้ยังพบว่าประชาชนที่มีระดับการศึกษาสูงมีแนวโน้มที่จะไม่ไปเลือกตั้ง