Page 347 - kpi19903
P. 347
310
การวิเคราะห์ระดับบุคคลพบว่าสถานภาพการท างานและอาชีพมีความสัมพันธ์กับผลการเลือกตั้งไม่มาก
นัก ดังนี้ 1 . ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการท าเกษตรกรรมมีแนวโน้มจะเลือกพรรค
ประชาธิปัตย์มากกว่าเมื่อเทียบกับอาชีพอื่นๆประชาชนมีอาชีพรับจ้างทั่วไปมีแนวโน้มจะเลือกพรรค 2
ประชาธิปัตย์น้อยที่สุด เมื่อเทียบกับอาชีพอื่นๆ และ 3. ประชาชนที่ไม่ได้ท างานหรือเป็นแม่บ้านจะเลือกผู้สมัคร
จากพรรคอื่น ๆ มากที่สุดเมื่อเทียบกับอาชีพอื่นๆ
การวิเคราะห์ระดับเขตเลือกตั้งพบว่าสถานภาพการท างานและอาชีพนั้นแทบจะไม่มีความสัมพันธ์ต่อการ
เลือกพรรคใดพรรคหนึ่งเลย พบเพียงแต่เขตเลือกตั้งที่มีพนักงานของรัฐและผู้ที่ประกอบวิชาชีพต่าง ๆ เสมียน และ
พนักงานบริการในร้านค้า และตลาด มีแนวโน้มไม่เลือกพรรคเพื่อไทย
ผลการศึกษาค่อนข้างสอดคล้องกับผลการศึกษาความนิยมในพรรคการเมืองและหัวหน้าพรรคการเมือง
ในอดีต (อรรถสิทธิ์ พานแก้ว, 2556a) ที่พบว่าคนที่มีความนิยมต่อพรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
คือคนที่ประกอบอาชีพไม่ใช้แรงงานในทางตรงกันข้ามคนที่ประกอบอาชีพที่ต้องใช้แรงงาน จะไม่ชื่นชอบพรรค
ประชาธิปัตย์ ส่วนคนที่ประกอบอาชีพที่ต้องใช้แรงงานจะมีความนิยมนายอภิสิทธิ์ในระดับต่ า ส าหรับคนที่ชื่นชอบ
พรรคชาติไทยและนายบรรหาร ศิลปอาชาก็เป็นคนที่ประกอบอาชีพที่ไม่ต้องใช้แรงงานในการท างานเช่นเดียวกัน
คนที่ประกอบอาชีพที่ต้องใช้แรงงานนั้นพบว่ามีความคิดที่จะเลือกพรรคมัชฌิมาธิปไตย
เขตเลือกตั้งที่มีผู้บัญญัติกฎหมาย ข้าราชการระดับอาวุโสและผู้จัดการและผู้ที่ประกอบวิชาชีพต่าง ๆ จะ
ใช้สิทธิ์เลือกตั้งแบบไม่ประสงค์ลงคะแนน และ เขตเลือกตั้งที่มีการประกอบอาชีพที่มีฝีมือในด้านการเกษตรและ
การประมงมีแนวโน้มที่จะท าบัตรเสีย ต่างจากการศึกษาพฤติกรรมการเลือกตั้งในระดับบุคคลของ ปี 2550 ที่พบว่า
ไม่อาจสรุปได้ว่าคนที่มีอาชีพต่างกันจะมีแนวโน้มทางด้านพฤติกรรมการออกไปใช้สิทธิที่แตกต่างกันแต่อย่างใด
(อรรถสิทธิ์ พานแก้ว, 2556a)
เขตเลือกตั้งที่ไม่ค่อยให้ความสนใจที่จะออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งมักเป็นเขตเลือกตั้งที่ประชาชนมีรายได้สูง
และคนกลุ่มนี้ยังมีการใช้สิทธิ์แบบไม่ประสงค์ลงคะแนนอีกด้วย เขตเลือกตั้งที่ประชาชนมีการศึกษาสูงจะออกไปใช้
สิทธิ์เลือกตั้ง และมีแนวโน้มจะใช้สิทธิ์ไม่ประสงค์ลงคะแนน ส่วนบัตรเสียส่วนใหญ่มาจากเขตเลือกตั้งที่ประชาชนมี
การศึกษาต่ า สัดส่วนคนจนสูง ประกอบอาชีพเกษตรกรรมและประมง และคนกลุ่มนี้จะไม่ใช้สิทธิ์แบบไม่ประสงค์
ลงคะแนน ดังนั้นผลการศึกษาจึงควรให้ความรู้แก่ประชาชนที่ท าบัตรเสีย และรณรงค์ให้คนมีฐานะออกมาใช้สิทธิ์
เลือกตั้งได้ หรือในแง่ของพรรคการเมืองก็อาจจะออกนโยบายมาเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้มีสิทธิ์
เลือกตั้งที่มีฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมแตกต่างกันไป การศึกษาภูมิทัศน์การเมืองไทยได้ให้ความเห็นว่า ชาวบ้าน
ไม่ใช่ฐานเสียงที่อยู่ภายใต้ระบบอุปถัมภ์ และคนเมืองก็ไม่ใช่ฐานนโยบาย แต่ความแตกต่างที่แท้จริง เป็นความ
แตกต่างระหว่างคนซึ่งมีฐานะชนชั้นกลางระดับล่างกับชนชั้นกลางระดับกลางขึ้นไป ทั้งนี้คนเสื้อเหลืองและคนเสื้อ
แดง ทั้งคู่ก็เป็นฐานนโยบายเหมือนกัน แต่แตกต่างกันที่คนเสื้อเหลืองให้ความสนใจการเลือกตั้งน้อยกว่าคนเสื้อแดง