Page 67 - kpi18358
P. 67
ประชาธิปไตยแบบปรึกษาหารือ และชุมชนนิยม โดยมุ่งเน้นให้ความส าคัญในเรื่องสิทธิ เสรีภาพ และ
การมีส่วนร่วมของประชาชน การกระจายอ านาจสู่ท้องถิ่นและเพิ่มอ านาจให้ประชาชน ความโปร่งใส
ความเสมอภาคและความเป็นธรรม (ส านักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ, 2552, น. 3-4)
ในส่วนประเทศไทยแนวคิดธรรมาภิบาลได้เริ่มเข้ามาในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี พ.ศ. 2540โดยสาเหตุ
ส าคัญส่วนหนึ่งมาจากการบริหารจัดการระดับชาติ ระดับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีความบกพร่อง
ขาดประสิทธิภาพ รวมถึงปัญหาการทุจริตและขาดจริยธรรมของบุคลากร ประกอบกับสถานการณ์
ทางการเมือง สังคม เศรษฐกิจ และการบริหารงานภาครัฐที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วแต่โครงสร้าง
ของภาครัฐยังขาดความยืดหยุ่น ข้าราชการไม่สามารถปรับตัวให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้
จากวิกฤติปัญหาในช่วงนี้ ก่อให้เกิดความจ าเป็นในการปฏิรูประบบบริหารราชการ การออกกฎหมายและ
กติกา รวมทั้งเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อเป้ าหมายในการสร้างธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการภาครัฐในทุกส่วน
(ส านักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ, 2552, น. 1) ในขณะเดียวกันภาคเอกชนก็มีความพยายาม
เสริมสร้างธรรมาภิบาลในภาคธุรกิจเอกชน (Good Corporate Governance) เพื่อก ากับ ดูแล ติดตาม
การด าเนินการหรือกิจกรรมภาคธุรกิจเอกชนให้สอดคล้องกับการบริหารกิจการที่ดีควบคู่ไปกับการสนอง
ต่อผู้มีส่วนได้เสีย (ผู้ถือหุ้น คณะกรรมการบริษัท ผู้บริหาร พนังงาน เจ้าหนี้ รัฐบาล) ทั้งนี้ โดยประยุกต์ใช้
หลักการธรรมาภิบาลที่ดีขององค์กรความร่วมมือทางเศรษฐกิจและพัฒนา (Organization for Economic
Cooperation and Development : OECD)
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักไทย พุทธศักราช 2540 นับเป็นจุดเริ่มต้นการก าหนดรับรอง
หลักธรรมาภิบาล หรือ การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี มีการวางรากฐานของหลักธรรมาภิบาลที่ส าคัญ
ได้แก่ การตรวจสอบอ านาจรัฐ การเสริมสร้างความโปร่งใสในการปฏิบัติหน้าที่ และส่งเสริมการมีส่วนร่วม
ของทุกภาคส่วนทั้งในระดับชาติ ท้องถิ่น ชุมชน อีกทั้ง ก าหนดหลักความรับผิดชอบร่วมกัน
ในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐมนตรีทั้งคณะโดยผูกพันต้องด าเนินการตามรับธรรมนูญ กฎหมาย
และนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา
1. ความหมายของธรรมาภิบาล
ค าว่า “Good Governance” ในประเทศไทยมีการใช้ค าศัพท์เรียกหลายค า เช่น ธรรมาภิบาล
การบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดี ธรรมรัฐ ธรรมราษฎร์ การปกครองที่ดี ซึ่งมีนักวิชาการและ
หน่วยงานได้พยายามให้ความหมายของค าดังกล่าว ดังนี้
24