Page 331 - kpi17968
P. 331

320




                     แต่หลังจากที่มีเครื่องมือและกลไกทางกายภาพของรัฐสมัยใหม่อย่าง

               กองทัพประจำการ ระบบราชการ การคมนาคมสื่อสารที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
               รวมทั้งมีประชากรหนาแน่นขึ้น ต่อพื้นที่ ก็ส่งผลให้ “ผู้นำสามารถเป็นคน
                                                                             81
               เด็ดขาดได้ และความเด็ดขาดกลายเป็นคุณสมบัติที่ดีของประมุขศิลป์”  ความ
               เด็ดขาดในฐานะที่เป็น “คุณสมบัติของประมุขศิลป์เกิดในเมืองไทย ตอนที่อาจ
               เริ่มจะมีเครื่องมือทางกายภาพแล้ว เช่น เกิดกับกองทัพก่อน เป็นต้น เพราะ
               อำนาจบังคับบัญชาในกองทัพประจำการนั้น สามารถใช้โดยเครื่องมือทางกายภาพ

               ได้ชัดเจนยิ่งกว่าหน่วยงานอื่น เช่น มีแม้แต่คุกทหารไว้สั่งขังได้เฉียบขาด” 82
               ดังนั้น “ความเด็ดขาดเกิดขึ้นในประมุขศิลป์ของกองทัพก่อน แล้วแพร่หลาย
               ออกมาข้างนอกในภายหลัง จึงทำให้ความเด็ดขาดในประมุขศิลป์ไทยไม่ได้

               พัฒนาการตรวจสอบและควบคุมความเด็ดขาดขึ้นมาด้วย...ผู้นำที่เข้มแข็ง
               ของไทยจึงเป็น ผู้นำที่เด็ด ขาดและสั่งการเฉียบขาด แต่ไม่มีใครหรือองค์กร
                                     83
               อะไรตรวจสอบควบคุม”  ขณะเดียวกัน “ความชอบธรรมของการนำไม่ได้เกิด
               ขึ้นจากการตรวจสอบควบคุมกระบวนการตัดสินใจ แต่เกิดขึ้นจากผลงาน ตรงนี้
                                                                 84
               ก็ตรงกับคติไทยที่เน้นในเรื่องสัมฤทธิผลอยู่แล้ว” เช่นกัน

                     ขณะเดียวกัน คติไทยเรื่องสัมฤทธิผลในวัฒนธรรมทางการเมืองไทยนี้
               ยังสะท้อนกรอบวิธีคิดของสังคมต่อประเด็นเรื่องความขัดแย้งอีกด้วย กล่าวคือ
               วัฒนธรรมทางการเมืองไทยเป็นวัฒนธรรมที่ “ไม่ชอบความขัดแย้ง แต่ไม่ได้

               ไร้เดียงสาจนไม่ยอมรับว่าความขัดแย้งเป็นปกติธรรมดาของสังคม แต่คนไทย
               คงชอบที่จะเห็นความขัดแย้งถูกระงับไปโดยเร็วด้วยอำนาจเด็ดขาดหรือถึงจุด
               สิ้นสุดในตัวเอง ดังนั้น ระหว่างการ ‘ปล่อยคนผิดให้หลุดสัก 10 คนยังดีกว่าเอา

               คนถูกติดคุกคนเดียว’ กับ ‘เอาคนถูกติดคุกสัก 10 คน ยังดีกว่าปล่อยให้ทะเลาะกัน
               ไม่เลิกโดยไม่รู้ว่า ใครผิดใครถูก’ ถ้าเลือกอย่างหลัง คนที่ไปจุดประเด็นความ
               เดือดร้อนจนทะเลาะกันไม่เลิกโดยไม่รู้ว่าใครผิดใครถูกนั่นแหละ คือคนที่ไม่น่า



                  81   เพิ่งอ้าง, หน้า 29.
                  82   เพิ่งอ้าง, หน้าเดียวกัน.

                  83   เพิ่งอ้าง, หน้าเดียวกัน.
                  84   เพิ่งอ้าง, หน้าเดียวกัน.





                   การประชุมกลุมยอยที่ 2
   326   327   328   329   330   331   332   333   334   335   336