Page 222 - kpi17968
P. 222

211




                            “...อนึ่งขนบทำเนียมผู้จะเปนพระหลวงขุนหมื่นผู้รักษาเมืองผู้รั้ง

                       กรมการ ย่อมมีความชอบตามคุนนานุรูปสมควรแลกอปด้วยวุธิสี่ประการ
                       คือชาติวุธิ ไวยะวุทธิ คุณวุทธิ ปัญาวุทธิ ชาติวุทธินั้นกระกูลเปนอัคมหา-
                       เสนาๆ บดีสืบๆ กันมา ไวยวุทธินั้นคืออายุศมควรตั้งแต่สามสิบเบดปี

                       ขึ้นไป คุณวุทธินั้นคือมีความรู้ฝ่ายทหารพลเรือนชำนิชำนาน ปัญาวุทธินั้น
                       คือจำเริญด้วยปัญาฉลาดในที่จะตอบแทนแก้ไข อัถปฤษหนาประเทษกรุง
                       อื่น แลคิดอ่านให้ชอบด้วยโลกียะราชกิจธรรมทังปวง ควรสมุหะกระลา

                       โหมสมุหะนายกจัตุสดมปฤกษาพร้อมกัน จึ่งนำเอากราบทูลพระกรุณา
                       เอาผู้กอปด้วยวุทธิสี่ประการนั้นเปนที่พระหลวงขุนหมื่น แม้นแต่
                       สองประการสามประการก็ภอจะเอาเปนที่พระหลวงขุนหมื่นตามสมควร


                            อนึ่งผู้จะเปนพระหลวงขุนหมื่น ย่อมประกอปด้วยอะธิบดีสี่ประการ
                       คือฉันทาธิบดี คือวิริยาธิบดี คือจิตาธิบดีคือวิมังสาธิบดี ฉันทาธิบดีนั้นคือ

                       ล้นเกล้าล้นกระหม่อมต้องพระราชประสงค์สิ่งใด ผู้นั้นนำซึ่งสิ่งนั้นมาทูล
                       เกล้าทูลกระหม่อมถวาย วิริยาธิบดีนั้นคือกอปรด้วยความเพียรในราชการ
                       มิได้ขาด จิตาธิบดีนั้นคือมีน้ำใจกล้าแขงในการณะรงค์สงคราม วิสังสาธิบดี

                       นั้นคือฉลาดในที่พิภากษาความแลอุบายในราชการต่างๆ ถ้าผู้ใดมิประกอปร
                       ด้วยวุทธิสี่ประการแลอะธิบดีสี่ประการแต่ประการใดประการหนึ่งไซ้ถึง
                       คุณานุรูปสมควรก็ดี อย่าให้สมุหกลาโหมสมุกะนายกจัตุสดมกราบทูล

                       พระกรุณาตั้งแต่งผู้นั้นเปนพระหลวงขุนหมื่นเปนอันขาดทีเดียว...”

                         วุฒิ 4 ประการ นั้นสามารถอธิบายได้ว่า การกำหนดชาติวุฒิ คือถือกำเนิด

                   ในตระกูลขุนนางนั้น เนื่องมาจากในอดีตไม่มีสถานศึกษาในระบบเช่นปัจจุบัน
                   การศึกษาหาความรู้ในศาสตร์ต่างๆ โดยเฉพาะการปกครอง อักษรศาสตร์
                   ประวัติศาสตร์ ได้รับการอบรมสั่งสอนจากพระภิกษุผู้ทรงคุณความรู้ในวัดต่างๆ

                   และจากครอบครัวทั้งสิ้น วัยวุฒิที่กำหนดไว้ว่าต้องมีอายุตั้งแต่ 31 ปีขึ้นไปจึงจะได้
                   รับการแต่งตั้งเป็นขุนนางผู้ใหญ่ได้ก็เป็นเกณฑ์ที่เหมาะสม เพราะผู้ที่มีวัยประมาณนี้
                   จะมีทั้งความรู้และประสบการณ์ตามสมควรแก่ตำแหน่งหน้าที่ คุณวุฒินั้นหากจะ

                   เปรียบกับปัจจุบันคือผู้ที่สำเร็จการศึกษาในสาขาวิชาต่างๆ จากสถานศึกษาใน








                                                                     การประชุมกลุมยอยที่ 2
   217   218   219   220   221   222   223   224   225   226   227