Page 686 - kpi17073
P. 686
การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 16 685
การทุจริต มีวัฒนธรรมที่เรียกว่า อธรรมาภิบาล คือ ทำอะไรก็ต้องปกปิดเป็นหลัก เพราะฉะนั้น
สิ่งที่พบเห็นกันโดยทั่วไปก็คือ ไม่จริงใจ และลงโทษไม่จริง เหมือนจะลงโทษ แต่จริงๆ แล้วก็ไม่
ลงโทษ จับก็ไม่ได้ ไล่ก็ไม่ทัน กล้าเสี่ยงที่จะกระทำการทุจริต เพราะรู้ว่าตรวจสอบยาก หรือ
แม้กระทั่งทำคดีให้ล่าช้า เป็นเรื่องเป็นราวในศาลก็ช้าเหลือเกินกว่าจะเสร็จสิ้น รวมทั้งถ้าประชาชน
จะไปฟ้องร้องบางครั้งเขาบอกว่า ไม่ใช่ผู้เสียหายก็เริ่มคดีเองไม่ได้ นี่ก็เป็นปัญหาอย่างหนึ่ง รวมทั้ง
ผู้ที่บอกว่าเป็นผู้เสียหาย คือหน่วยงานนั้นๆ ก็ไม่ยอมฟ้องคดี เพราะส่วนหนึ่ง ผู้บริหารใน
หน่วยงานนั้นก็เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีนั้นเสียเอง นอกจากนี้เราก็จะพบพฤติกรรมเรื่องของเป็น
นักคิดหาวิธีโกง เช่น พอจะมีการปรับเรื่องของภาษีขึ้นมาก็จะมีนักคิดขึ้นมาว่าเราจะไม่ต้อง
เสียภาษีได้อย่างไร เรื่องของมักง่าย เอื้อประโยชน์ก็เยอะ รวมทั้งแสวงหาอำนาจ หรือเรื่องของทำ
ระเบียบให้ไม่ชัดเจนก็เยอะ อันนี้เป็นพฤติกรรมโดยทั่วไปที่เราเจอ รวมทั้งมีแนวคิดอีกแบบหนึ่ง
ซึ่งท่านอาจารย์จุรีก็บอกว่า เรื่องของงบประมาณก็เป็นส่วนหนึ่งที่อาจารย์ได้เสนอว่า งบประมาณ
บ้านเรามักจะเป็นรูปแบบแท่งไอศกรีม ก็คือให้ไปเยอะ แต่ไปถึงประชาชนน้อย นี่ก็เป็นเรื่องที่เรา
พอจะเข้าใจกันอยู่ สะท้อนถึงเรื่องของการไม่มีศีลธรรม เพราะเรายังยอมรับเรื่องของการทุจริต
รวมทั้งเรื่องของการอุปถัมภ์ครอบงำ รวมทั้งมีพฤติกรรมอย่างหนึ่งก็คือ กตัญญูแบบไร้สติ ซึ่งเป็น
คำที่วิทยากรในกลุ่มของเราใช้กัน คือตอบแทนผู้มีอุปการะคุณ โดยไม่ได้ดูว่าผิดว่าถูก รวมทั้ง
มีการครอบงำทางสังคม และหาช่องทางให้ตัวเองได้ผลประโยชน์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรมทั้งสิ้น
เมื่อเป็นเช่นนี้ มีคำถามว่า หน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบได้ทำหน้าที่ดีเพียงไร การศึกษา
ของสถาบันพระปกเกล้าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาในเรื่องของความเชื่อมั่นต่อองค์กรอิสระที่ทำหน้าที่
ตรวจสอบก็พบว่า ไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย หน่วยงานเหล่านี้ก็ยังคงทำงานเช่นเดิม คือไม่สามารถที่จะเอา
คนผิดมาลงโทษได้เป็นเรื่องเป็นราว เอามาลงโทษได้บ้างแต่เป็นส่วนน้อย ก็เลยทำให้แนวโน้ม
ของกราฟนี้ไม่ได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งการพบทุจริตด้วยตนเองก็มีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น มันดูเหมือนว่า
จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เพราะฉะนั้นจะหาทางออกได้อย่างไร เราก็เลยคิดกันว่า ถ้าจะต้องตรวจสอบถ่วงดุล
ให้เกิดขึ้น เราจะต้องแก้ปัญหาการทุจริตโดยใช้การถ่วงดุลอำนาจขององค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน องค์อิสระ หน่วยงานราชการ สื่อมวลชน หรือแม้กระทั่งประชาชน
ทั่วไปก็ต้องเกี่ยวข้อง
นักการเมืองต้องเป็นแบบอย่างที่ดีเพราะเป็นตัวแบบที่สำคัญ ต้องทำให้เป็นที่ประจักษ์
อย่าทำตรงข้ามกับที่พูดหรือตรงข้ามกับที่หาเสียงไว้ และที่สำคัญเจตจำนงทางการเมืองที่จะทำเพื่อ
ประโยชน์ของชาติมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว และไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือปฏิบัติตาม
มาตรฐานทางจริยธรรม นอกจากนี้มีข้อเสนอว่า พรรคการเมืองจะต้องดูแลสมาชิกของพรรค
จะต้องรับรองพฤติกรรมของลูกพรรค มีกองทุน สนับสนุนการติดตามพรรคการเมืองและติดตาม
สมาชิกของพรรคการเมืองด้วย เพราะฉะนั้นเป็นความรับผิดชอบของพรรคที่จะต้องส่งคนดีมาเป็น
ผู้แทน สรุปสาระสำคัญการนำเสนอผลการประชุมกลุ่มย่อย
ส่วนหน่วยงานราชการ หัวหน้าส่วนราชการหรือผู้นำ จะต้องมีความรับผิดชอบ เป็นหลัก
ในการต่อต้านการทุจริต ไม่ใช่ไปเอื้อประโยชน์ร่วมกับนักการเมืองทำการทุจริต รวมทั้งป้องกัน