Page 571 - kpi17073
P. 571

570     การประชุมวิชาการ
                   สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 16


                  ที่กลุ่มผู้มีอิทธิพลจะมีบทบาทนำและผูกขาดการเมืองในพื้นที่  ซึ่งความรุนแรงของการซื้อสิทธิขาย
                                                                         12
                  เสียงยังบั่นทอนความชอบธรรมของกระบวนการการกระจายอำนาจ


                       อย่างไรก็ตามปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง ปัญหาของระบบอุปถัมภ์และกลุ่มผู้มีอิทธิพลของ
                  ท้องถิ่น ก็ถูกนักวิชาการบางฝ่ายเห็นแย้งว่าอาจไม่ได้มีความรุนแรงและครอบงำการตัดสินใจ

                  เลือกตั้งของประชาชนมากกว่าที่คิด เนื่องจากประชาชนได้พิจารณาถึงปัจจัยเชิงศักยภาพ ความ
                  สามารถ และเครือข่ายของผู้สมัครในการดึงทรัพยากรมาสู่พื้นที่ และมีกระบวนการต่อรอง

                  ระหว่างประชาชนและผู้ลงรับสมัครการเลือกตั้งมากขึ้น จนทำให้แม้ว่าผู้สมัครจะมีการจ่ายเงิน
                  ซื้อเสียงก็จริงแต่มิได้หมายความว่าการจ่ายเงินเป็นจำนวนมากจะส่งผลให้ผู้สมัครคนนั้นชนะการ
                  เลือกตั้งได้เพราะมีปัจจัยอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องในการพิจารณาของประชาชนด้วย เช่น การทำ

                  คุณประโยชน์ของผู้สมัครในพื้นที่ โดย อภิชาต สถิตนิรามัย ยุกติ มุกดาวิจิตร และนิติ ภวัครพันธุ์.
                  (2556) เสนอว่าการกระจายอำนาจและการลงหลักปักฐานของสถาบันทางการเมืองทั้งในระดับ

                  ชาติและท้องถิ่นตั้งแต่การประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 ทำให้เกิดการสร้างแรงจูงใจให้
                  นักการเมืองตอบสนองความต้องการของผู้ออกเสียงเลือกตั้งมากขึ้น นอกจากนี้ความเปลี่ยนแปลง
                  ทางสังคมและเศรษฐกิจตั้งแต่ทศวรรษที่ 2530 ทำให้ความสัมพันธ์เชิงอุปถัมภ์ในแนวดิ่งกลับลด

                  บทบาทลงและกลับเริ่มมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันของคนที่เท่าเทียมในรูปแบบแนวนอนมากขึ้น        13
                  นอกจากนี้การกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นผ่านการเลือกตั้งทางตรงในระดับ

                  อบต. และเทศบาล ที่มีความใกล้ชิดกับประชาชนได้สร้างความใกล้ชิดทั้งในเชิงกายภาพ
                  ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม และความรับผิดชอบในอำนาจหน้าที่ที่ อปท. ได้รับมอบหมายและส่งผลต่อ
                  ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในพื้นที่ ได้ส่งผลต่อวิถีชีวิตของประชาชนในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้การ

                  พิจารณาลงคะแนนเสียงให้กับผู้บริหาร อปท. ก็อาศัยปัจจัยเชิงศักยภาพ ความสามารถ และ
                  เครือข่ายของผู้สมัครมากขึ้นในการดึงทรัพยากรมาสู่พื้นที่ “....เนื่องจากงบประมาณเกือบ 40%

                  ของ อปท. มาจากการอุดหนุนของรัฐส่วนกลางโดยตรง ในขณะที่เกณฑ์การจัดสรรงบอุดหนุน
                  หลายประเภทให้แก่ อปท. แต่ละแห่งนั้น เปิดโอกาสให้ผู้มีอำนาจในส่วนกลางใช้ดุลพินิจได้กว้าง
                  ขวางทำให้ อปท.ต้อง “วิ่งงบ” กับส่วนกลางเพื่อให้ได้รับการจัดสรรมากที่สุดจึงกล่าวได้ว่าชาวบ้าน

                  ใช้เครื่องมือการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นในการต่อรองเพื่อดึงทรัพยากรจากรัฐส่วนกลาง” 14


                       เช่นเดียวกับงานของนักมานุษยวิทยาอย่างแคเธอรีน เบาว์วี (2555) ที่ศึกษาเรื่องการ
                  ซื้อเสียงในการเลือกตั้งทางภาคเหนือของไทย พบว่าการเปลี่ยนแปลงเชิงกฎหมายที่เกี่ยวกับ
                  ประชาธิปไตยและกระแสการปฏิรูปการเมืองตั้งแต่ทศวรรษที่ 1990 เป็นต้นมาได้ลดความสำคัญ

                  ของการซื้อเสียงในระดับหมู่บ้านและแก้ไขอุปสรรคที่ขัดขวางประชาชนในหมู่บ้านไม่ให้สามารถ




                        ดูกรณีความกระตือรือร้นของประชาชนต่อการตรวจสอบการเลือกตั้งระหว่างเทศบาลนครอุบลราชธานีและ
                     12
                    เทศบาลเมืองปัตตานีใน พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต. (2552). เรื่องเดียวกัน, น. 151-152
        การประชุมกลุ่มย่อยที่ 6     เชียงใหม่: แผนงานสร้างเสริมนโยบายสาธารณะที่ดี (นสธ.) สถาบันศึกษานโยบายสาธารณะ มหาวิทยาลัย
                        อภิชาต สถิตนิรามัย ยุกติ มุกดาวิจิตร และนิติ ภวัครพันธุ์. (2556). ทบทวนภูมิทัศน์การเมืองไทย.
                     13

                  เชียงใหม่, น. 132.
                        เรื่องเดียวกัน, น. 105.

                    14
   566   567   568   569   570   571   572   573   574   575   576