Page 521 - kpi17073
P. 521
520 การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 16
ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน แม้ว่าแต่ละคนจะมีภูมิหลัง
ทางสังคมแตกต่างกัน โดยเฉพาะด้านการศึกษา อาชีพ และฐานะทางเศรษฐกิจ เช่น บางคนรวย
บางคนยากจน บางคนมีอำนาจ บางคนไม่มีอำนาจ แต่เชื่อแน่ว่า หากทุกคนพยายามพัฒนา
ตนเองให้มีคุณสมบัติของความเป็นพลเมืองแล้ว ก็ย่อมเป็นการส่งเสริมให้คนอื่นๆ มีความเป็น
พลเมืองขึ้นมาได้ เช่น หากคนที่มีอำนาจไม่ใช้อำนาจไปรังแกคนที่ไม่มีอำนาจ ก็จะทำให้คนที่ไม่มี
อำนาจสามารถ “ลืมตาอ้าปาก” และพัฒนาตนเองให้มีคุณสมบัติของความเป็นพลเมืองได้ง่ายขึ้น
เพราะไม่ต้องคอยหลบหลีกอุปสรรคในการดำเนินชีวิตที่เพิ่มเข้ามา ทำให้คนกลุ่มนี้กล้าที่จะ
แสดงออกซึ่งความคิดเห็นของตน โดยไม่ต้องหวาดระแวงว่า เมื่อแสดงความคิดเห็นออกไปแล้ว
จะทำให้ตนเองเกิดความเดือดร้อนหรือไม่
การผสมผสานระหว่างแนวคิดความเป็นพลเมือง
และแนวคิดทุนทางสังคม
จากที่ได้กล่าวถึงคุณลักษณะของความเป็นพลเมืองมาข้างต้น ถือได้ว่าเป็นการกล่าวอยู่บน
พื้นฐานของหลักการที่ควรจะเป็นของพลเมืองในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเมื่อมาถึง
หัวข้อนี้จะได้เริ่มนำแนวคิดเกี่ยวกับความเป็นพลเมืองมาประยุกต์ใช้อธิบายร่วมกับแนวคิดอื่นๆ
ที่สามารถเชื่อมเข้ากันได้กับแนวคิดเกี่ยวกับความเป็นพลเมือง ทั้งนี้ก็เพื่อพยายามสร้างให้เกิด
ตัวแบบที่ชัดเจนมากขึ้นในการนำไปเสริมสร้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยให้บังเกิดผลอย่าง
เป็นรูปธรรม และสามารถอำนวยประโยชน์ให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง มิใช่เป็นการปกครองระบอบ
ประชาธิปไตยที่เขียนอยู่ในกระดาษเท่านั้น โดยแนวคิดที่นำมาอธิบายในที่นี้คือ แนวคิดเกี่ยวกับ
ทุนทางสังคม (Social Capital)
แนวคิดทุนทางสังคมเป็นแนวคิดสื่อให้เห็นถึงเครือข่ายภาคประชาชนที่เข้ามารวมตัวกันอย่าง
มีประสิทธิภาพ แล้วสามารถขับเคลื่อนให้เกิดบางสิ่งบางอย่างขึ้นได้ โดยนักวิชาการส่วนใหญ่
ยืนยันตรงกันว่า “ทุนทางสังคม” มิใช่เรื่องใหม่ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นในประเทศไทย หากแต่เป็น “คุณค่า
เดิม” ที่สังคมไทยมีอยู่ สังคมไทยมีคุณค่าที่เป็นทุนทางสังคมของตัวเองมานานแล้วและมีอยู่อย่าง
หลากหลายมากมาย เพียงแต่การพัฒนาประเทศที่ผ่านมาเรามุ่งพัฒนาให้ทันความทันสมัย
จนหลงลืมคุณค่าเดิมที่เรามีอยู่ ไม่ได้พัฒนาจากฐานรากเดิมของชุมชน และภูมิปัญญาที่สั่งสม
ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นทำให้การพัฒนาประเทศในบางพื้นที่แหว่งวิ่น ไม่สมบูรณ์อย่างแท้จริง
(ประชาธิป กะทา, 2547, น.20-22) ซึ่งทุนทางสังคมในสังคมไทยที่มีลักษณะเครือข่ายประชาชน
ที่เป็นการ “ร่วมคิด” และ “ร่วมทำ” เพื่อขับเคลื่อนภารกิจบางอย่างนั้นมีอยู่ให้เห็นมาอย่าง
ต่อเนื่องตั้งแต่ในอดีตแล้ว เช่น เครือข่ายภายในชุมชนที่บริหารจัดการเหมืองฝายของตนเอง
เครือข่ายเคลื่อนไหวเกี่ยวกับสิทธิชุมชน เครือข่ายสมัชชาคนจน ฯลฯ โดยงานศึกษาของวรวุฒิ
การประชุมกลุ่มย่อยที่ 5 สังคมเข้ามาใช้เป็นมาตรการในการจัดการกับปัญหาต่างๆของสิ่งแวดล้อม โดยกระบวนทัศน์ใหม่
โรมรัตนพันธ์ (2548) เรื่องการจัดการสิ่งแวดล้อมโดยทุนทางสังคม ได้ชี้ให้เห็นถึงการนำทุนทาง
ในการจัดการสิ่งแวดล้อมบนฐานคิดทุนทางสังคม ได้ช่วยให้เกิดการบูรณาการความหลากหลาย
ของการจัดการอย่างเป็นองค์รวม และช่วยเสริมพลังให้ชุมชนเกิดการกระจายทรัพยากรอย่าง