Page 526 - kpi17073
P. 526

การประชุมวิชาการ
                                                                                         สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 16   525


                      การร่วมทำประชาคม ฯลฯ ซึ่งผู้ใดจะเลือกเข้าไปมาส่วนร่วมทางการเมืองด้วยวิธีใดนั้นย่อมขึ้นอยู่
                      กับโอกาสและจังหวะต่างๆ อย่างไรก็ตาม หนึ่งในประเด็นหนึ่งที่มีการกล่าวถึงกันค่อนข้างมากเมื่อ

                      เชื่อมโยงถึงประเด็นการเมืองระดับเล็กก็คือ ประชาธิปไตยชุมชน โดย เธียรชัย ณ นคร (2553)
                      ให้แง่คิดเกี่ยวกับประชาธิปไตยชุมชนไว้อย่างน่าสนใจว่า


                              คำว่า “ประชาธิปไตยชุมชน” ในมิติทางการเมือง อาจมีความหมายมากไปกว่าการมี
                      ส่วนร่วมของชุมชนในการแก้ไขปัญหาของตนเอง หรือมากไปกว่าการมีส่วนร่วมในดำเนินกิจกรรม

                      สาธารณะโดยทั่วไป เนื่องจาก “ประชาธิปไตยชุมชนในมิติทางการเมือง” ในความหมายซึ่งเป็นที่
                      เข้าใจกันในขณะนี้ หมายความถึงแนวทางการจัดการตนเองของประชาชนและชุมชน ที่ประชาชน
                      และชุมชนสามารถวางแผนหรือกำหนดความต้องการของตนเอง และดำเนินการแก้ไขปัญหาของ

                      ตนได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องรอความช่วยเหลือจากภาครัฐหรือท้องถิ่น และในขณะเดียวกัน ก็ยัง
                      สามารถใช้สิทธิในฐานะประชาชนในการกำกับ ติดตาม และตรวจสอบการทำงานของภาครัฐและ

                      ท้องถิ่น ให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการที่แท้จริงของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
                      (เธียรชัย ณ นคร, 2553, น.22-23)


                              จากแง่มุมของประชาธิปไตยชุมชนที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่า ประชาธิปไตยชุมชน
                      ถือเป็นองค์รวมของการเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนในระดับเล็ก เนื่องจาก

                      ประชาธิปไตยชุมชนเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับวิธีการเข้าไปมีส่วนร่วมในการปกครองระบอบ
                      ประชาธิปไตยทุกชุด อีกทั้งประชาธิปไตยชุมชนยังเน้นที่การที่ประชาชนสามารถกำหนด
                      “ชะตากรรม” ของตนเองผ่านทางการเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย มิใช่การรอคอยให้ภาครัฐเข้ามาให้

                      ความช่วยเหลือ หรือแม้แต่การ “ชี้นำ” เพียงอย่างเดียว และแน่นอนว่า การที่จะเกิด
                      ประชาธิปไตยชุมชนได้ ประชาชนในชุมชนย่อมต้องมีคุณสมบัติของความเป็นพลเมืองอยู่ในตัว

                      โดยการมีคุณสมบัติของความเป็นพลเมืองนี้จะทำให้ชุมชนสามารถก้าวไปสู่การพัฒนาบรรยากาศ
                      ของความเป็นประชาธิปไตยที่รุดหน้าได้ และยังสามารถสร้างความเป็นกลุ่มก้อนที่มีความ
                      เชื่อมแน่นทางสังคม (Social Cohesion) ขึ้นได้อีกด้วย เช่น งานศึกษาของทศพล สมพงษ์

                      (2555) ที่ศึกษาเกี่ยวกับสำนึกพลเมืองกับการจัดการทรัพยากรท้องถิ่น โดยงานศึกษาดังกล่าว
                      พบว่าการรวมกลุ่มกันเพื่อพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาตินั้น เกิดจากการที่คนในท้องถิ่นตระหนักถึง

                      ปัญหาที่สร้างความเดือดร้อนให้กับพวกเขา ซึ่งปัญหาเหล่านั้นก็ได้แก่ ภัยคุกคามจากการแย่งชิง
                      ทรัพยากรของกลุ่มทุน รวมถึงความด้อยประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาของภาครัฐ (ทศพล
                      สมพงษ์, 2555, น.บทสรุปผู้บริหาร)


                              กล่าวได้ว่า ที่ผ่านมาชุมชนท้องถิ่นส่วนใหญ่ยังถูกแทรกแซงและอยู่ภายใต้ระบบอุปถัมภ์

                      ของนักการเมือง นายทุน และผู้มีอิทธิพลมาโดยตลอด ผ่านหัวคะแนน ผ่านผู้นำและผู้ที่มีอิทธิพล
                      ในท้องถิ่น ผ่านระบบการเลือกตั้งที่ไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม ยิ่งทำให้ชุมชนท้องถิ่นเกิดความขัดแย้ง
                      แตกแยก ไม่สามารถดูแลและจัดการตนเองได้อย่างแท้จริง จึงไม่สามารถสร้างความเข้มแข็ง

                      สร้างการพัฒนาเปลี่ยนแปลงได้อย่างยั่งยืน (ชัชวาล ทองดีเลิศ, 2553, น.294-295) ซึ่งปัญหา
                      ดังกล่าวนับเป็นปัญหาเร่งด่วนที่จำเป็นต้องรีบแก้ไข เพื่อให้เกิดระบอบการปกครองแบบ                    การประชุมกลุ่มย่อยที่ 5

                      ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง มิใช่ปล่อยให้นักการเมืองท้องถิ่นและผู้มีอิทธิพลนำคำว่า
   521   522   523   524   525   526   527   528   529   530   531