Page 520 - kpi17073
P. 520

การประชุมวิชาการ
                                                                                         สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 16   519


                      ตระหนักถึงการทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมร่วมกันแล้ว ก็ย่อมทำให้การพัฒนาประชาธิปไตยเป็นไป
                      ได้อย่างราบรื่น อย่างไรก็ตาม ความตั้งที่จะทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมนี้ สามารถมองได้หลาย

                      ระดับ ตั้งแต่ระดับเล็ก เช่น การรู้จักฝึกหัดตนเองให้เป็นคนที่เห็นความสำคัญของการทำความดี
                      แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ก็ตระหนักว่า หากเราทำเรื่องเล็กน้อยเป็นประจำ เรื่องเล็กน้อย
                      ก็สามารถส่งผลต่อสังคมในระยะยาวได้ เช่น การรู้จักแยกแยะว่า การกระทำสิ่งใดถูก การกระทำ

                      สิ่งใดผิดด้วยจิตที่เป็นกลาง ไม่นำอคติส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง การหลีกเลี่ยงจากอุปนิสัยมักง่าย
                      ต่างๆ และการมองว่า การมีส่วนร่วมทางการเมืองเป็นสิ่งที่บุคคลทุกคนพึงกระทำ ไม่มองเพียง

                      ว่าการเมืองเป็นเรื่องของนักการเมืองเท่านั้น เป็นต้น และการทำเพื่อส่วนรวมในระดับใหญ่ เช่น
                      การร่วมเคลื่อนไหวเพื่อประโยชน์สาธารณะต่างๆ และการเข้าร่วมในกระบวนการแก้ไขปัญหา
                      สาธารณะ และการเข้าร่วมเป็นผู้บริหารทางการเมืองอย่างมีคุณธรรม เป็นต้น ซึ่งย้อนมามอง

                      คุณลักษณะประการดังกล่าวในสังคมไทยแล้ว ก็กล่าวได้ว่า สังคมไทยยังต้องมีการพัฒนา
                      คุณลักษณะข้อนี้อีกมาก เพราะประชาชนบางกลุ่มยังคงมีการยึดถือผลประโยชน์ของตนเอง

                      เป็นที่ตั้ง และไม่สนใจที่จะมีส่วนร่วมที่จะพัฒนาสิ่งใดเพื่อประโยชน์สาธารณะ จนในที่สุดจึงกลาย
                      เป็นวัฒนธรรมทางการเมืองแบบ “ต่างคนต่างอยู่” และเกิดการแย่งชิงผลประโยชน์แบบ “ใครเร็ว
                      ใครได้” จนในที่สุดจึงทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในสังคมมาอย่างต่อเนื่อง


                            6.  การลงมือปฏิบัติ นับเป็นคุณลักษณะที่สำคัญยิ่งที่พลเมืองของประเทศพึงมี เพราะการ

                      ลงมือปฏิบัติถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่จะขับเคลื่อนสิ่งที่เป็นนามธรรมทั้งหมดให้บังเกิดผลเป็น
                      รูปธรรมขึ้นในสังคม โดยการกระทำใดๆของพลเมืองนั้นจะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของจิตสำนึก
                      สาธารณะและความรับผิดชอบต่อส่วนรวม เพื่อให้บังเกิดประโยชน์สูงสุดแก่สังคม ซึ่งเมื่อกล่าวถึง

                      การลงมือปฏิบัติแล้ว ย่อมสามารถเชื่อมโยงไปถึงประเด็นของการประสานงานกันระหว่างพลเมือง
                      ในภาคส่วนต่างๆ โดยการประสานงานกันระหว่างภาคส่วนต่างๆนี้ย่อมต้องอาศัยความ “เข้าใจ”

                      และ “เห็นใจ” ซึ่งกันและกัน รวมถึงไม่ยึดตนเองเป็นศูนย์กลางของการดำเนินการเพียงอย่างเดียว
                      แต่จะต้องรู้จักรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นที่อาจจะมีความคิดเห็นแตกต่างกันด้วย ซึ่งการรับฟัง
                      ดังกล่าวถือเป็นหัวใจอย่างหนึ่งของการปกครองระบอบประชาธิปไตย เพราะการปกครองระบอบ

                      ประชาธิปไตยเป็นระบอบการปกครองที่เปิดโอกาสให้คนที่มีความแตกต่างทางความคิดสามารถ
                      แสดงออกได้ตามสิทธิของตนเอง แต่การแสดงความคิดเห็นนั้นก็ย่อมต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของการ

                      “เคารพผู้อื่น-เคารพกติกา” ด้วย โดยความงดงามของการปกครองระบอบประชาธิปไตยนั้นมิได้
                      อยู่ที่การที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกันทั้งหมด แต่อยู่ตรงการที่บุคคลที่มีความคิดที่แตกต่างหลากหลายนั้น
                      สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นระเบียบ เสมือนช่อดอกไม้ที่ประกอบไปด้วยดอกไม้หลากหลายสี

                      ที่เมื่อนำเข้ามาจัดเป็นช่อร่วมกันแล้ว ดอกไม้เหล่านั้นก็สามารถสร้างความงดงามให้เกิดขึ้นได้อย่าง
                      ลงตัว


                            จากที่กล่าวถึงคุณลักษณะของพลเมืองตามแนวคิดพลเมืองผ่านทางการวิเคราะห์ตาม
                      แนวคิดของ David Mathews มาตั้งแต่ต้น จะเห็นได้ว่า ความเป็นพลเมืองในการปกครองระบอบ

                      ประชาธิปไตยนั้นเป็นเรื่องที่อยู่ในชีวิตประจำวันของคนทุกคน ไม่ว่าบุคคลนั้นจะมีความแตกต่าง
                      กันในด้านใดก็ตาม ทุกคนก็สามารถพัฒนาตนเองให้มีความเป็นพลเมืองได้ เพราะทุกคนล้วนอยู่                 การประชุมกลุ่มย่อยที่ 5
   515   516   517   518   519   520   521   522   523   524   525