Page 516 - kpi17073
P. 516

การประชุมวิชาการ
                                                                                         สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 16   515


                      ประสงค์ตามเจตนารมณ์ของการปกครองระบอบประชาธิปไตยด้วย ดังที่กฤษฎา แก้วเกลี้ยง
                      (2553) กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า


                            “การปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีงามตามหลักการของระบอบประชาธิปไตยให้กับประชาชน ถือเป็น
                      สิ่งสำคัญเป็นอันดับแรกที่ทุกฝ่ายจำเป็นจะต้องร่วมมือกันทำ เพื่อให้สังคมไทยเป็นสังคมที่มี

                      คุณภาพ โดยก่อนที่จะทำสังคมให้มีคุณภาพได้นั้น ก็จำเป็นที่จะต้องทำให้ประชาชนในสังคมเป็น
                      ผู้ที่มีคุณภาพเสียก่อน ซึ่งการกล่าวเช่นนี้ เป็นการกล่าวที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อเชื่อมโยงให้เห็นว่า

                      หน่วยย่อยๆของสังคมมี “พลัง” ที่สำคัญยิ่ง ในการที่จะกำหนดทิศทางของหน่วยใหญ่ทางสังคม
                      นั่นก็คือ ประเทศชาติ หรือถ้าจะกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เป็นการเชื่อมโยงให้เห็นถึงความสัมพันธ์
                      ระหว่างสังคมระดับจุลภาค (micro) และสังคมระดับมหภาค (macro) นั่นเอง” (กฤษฎา แก้วเกลี้ยง,

                      2553, น.146)


                            อย่างไรก็ตาม เมื่อกล่าวถึงคุณสมบัติของประชาชนที่พึงประสงค์กลุ่มดังกล่าว แนวคิด
                      ที่ดูเหมือนจะอธิบายประเด็นนี้ได้ดีที่สุดคือ แนวคิดเกี่ยวกับความเป็นพลเมือง (Citizenship)



                      ความเป็นพลเมืองกับการปกครองระบอบประชาธิปไตย



                            ความเป็นพลเมือง ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งในการปกครองระบอบประชาธิปไตย เพราะ
                      คำว่า พลเมือง แสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมในกิจการต่างๆที่มีอยู่ในรัฐ พลเมืองมิใช่ผู้ที่รอรับ

                      คำสั่งจากผู้มีอำนาจเพียงอย่างเดียว แต่พลเมืองจะเป็นผู้ที่มีการแสดงบทบาทอย่างรุกเร้า
                      (Active) เพื่อที่จะพิทักษ์สิทธิและผลประโยชน์อันพึงมีพึงได้ของตนเอง แต่ก็ไม่ลืมที่จะทำหน้าที่
                      ตามที่กฎหมายไว้ (กฤษฎา แก้วเกลี้ยง, 2554, น.291) ซึ่งจุดเน้นเกี่ยวกับความเป็นพลเมือง

                      ดังกล่าว เมื่อดูตามรูปศัพท์ทางภาษาของไทยแล้ว ก็จะกล่าวได้ว่า มีความสอดคล้องกับ
                      ความหมายของจุดเน้นนั้นพอดี เพราะคำว่า พลเมือง เกิดขึ้นจากคำว่า พละ ที่แปลว่า กำลัง

                      รวมกับคำว่า เมือง ซึ่งเมื่อรวมความแล้วก็แปลได้ว่า ผู้เป็นกำลังของเมือง โดยแน่นอนว่า ผู้ที่เป็น
                      กำลังของเมืองนี้จะต้องไม่ใช่บุคคลที่มีสถานภาพเป็นผู้ขอรอรับจากผู้อำนาจเพียงอย่างเดียว
                      แต่พลเมืองจะต้องเป็นผู้มีจิตสำนึก รู้จักใช้ความคิดในการพิจารณาสิ่งต่างๆ ตามหลักที่ควรจะเป็น

                      รวมถึงไม่ย่อท้อต่อเผชิญหน้ากับความอยุติธรรมต่างๆ


                            เมื่อเชื่อมโยงคุณลักษณะของความเป็นพลเมืองข้างต้นเข้ากับเจตนารมณ์ของการปกครอง
                      ระบอบประชาธิปไตยแล้วก็กล่าวได้ว่า แนวความคิดเกี่ยวกับความเป็นพลเมืองและแนวความคิด
                      เกี่ยวกับประชาธิปไตยนั้นซ้อนทับกันอยู่อย่างผสมกลมกลืนกัน จนไม่สามารถแยกออกจากกันได้

                      ด้วยเหตุที่หลักการปกครองแบบประชาธิปไตยนั้นเน้นประชาชนเป็นศูนย์กลางในการกระทำ
                      สิ่งต่างๆ แม้การปกครองระบอบประชาธิปไตยของไทยในปัจจุบัน จะเป็นระบอบประชาธิปไตย

                      แบบผู้แทน(Representative Democracy) คือ ประชาชนมิได้ใช้อำนาจอธิปไตยทางตรง เพราะ
                      ประชาชนจะใช้อำนาจอธิปไตยนั้นผ่านทางการเลือกผู้แทน แต่หากประชาชนมีความเป็นพลเมือง
                      แล้ว ก็ยังกล่าวได้ว่าการปกครองแบบนี้เป็นการปกครองโดยประชาชน มิใช่การปกครองโดย                      การประชุมกลุ่มย่อยที่ 5

                      ผู้แทน หรือปกครองโดยนักการเมือง หรือพรรคการเมือง เพราะประชาชนที่เป็นพลเมืองจะเป็น
   511   512   513   514   515   516   517   518   519   520   521