Page 321 - kpi17073
P. 321
320 การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 16
พร้อมที่จะปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป และข้อที่สี่ ภาคประชาชนหรือสาธารณะจะ
ต้องเข้ามามีบทบาทในการตรวจสอบและกำกับการทำงานของข้าราชการทั้งสองส่วนมากขึ้น
้ เสน เพ การปรับปร ล า สั พัน ระ า ้ารา การการเ ละ
้ารา การประ า ้บร บ การเ บบประ า ป
จากหลักการสำคัญที่ได้นำเสนอนี้ ในการปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างข้าราชการการเมือง
และข้าราชการประจำให้เป็นดุลความสัมพันธ์ที่เหมาะสมสามารถสรุปให้เห็นเป็นแนวทางได้ดังต่อ
ไปนี้คือ
(1) จัดให้มีระบบการจำแนกตำแหน่งข้าราชการประจำระดับสูงที่มีบทบาทในการ
ขับเคลื่อนนโยบายหรือยุทธศาสตร์หลักของหน่วยงานออกจากข้าราชการประจำระดับสูงทั่วไป
การศึกษาถึงพัฒนาการของความสัมพันธ์ระหว่างข้าราชการการเมืองและข้าราชการ
ประจำของไทยได้แสดงให้เห็นแล้วว่าในช่วงหลังๆ มานี้ ข้าราชการการเมืองได้ทวีบทบาทที่สำคัญ
ในทางการเมืองมากขึ้น รวมไปถึงบทบาทที่มีต่อข้าราชการประจำดังที่เรามักจะปรากฏเห็น
รายงานต่างๆ อยู่เสมอว่าข้าราชการการเมืองใช้อำนาจหรืออิทธิพลในการกดดันและแทรกแซง
การทำงานของข้าราชการประจำ แม้ว่าโดยพระราชบัญญัติข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
รวมถึงกฎระเบียบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จะกำหนดให้ข้าราชการการเมือง (รัฐมนตรีว่าการ) มีอำนาจ
ในการเสนอชื่อเพื่อแต่งตั้ง โยกย้ายข้าราชการประจำตำแหน่งปลัดกระทรวงได้เพียงตำแหน่งเดียว
ก็ตาม แต่ทว่าในข้อเท็จจริงนั้น ข้าราชการการเมืองกลับสามารถแทรกแซงการแต่งตั้ง โยกย้าย
รวมถึงการให้คุณให้โทษแก่ข้าราชการประจำระดับต่างๆได้อย่างกว้างขวาง โดยที่ในบางหน่วยงาน
ข้าราชการการเมืองอาจลงไปมีส่วนในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในระดับอำนวยการ
หรือต่ำกว่านั้นด้วย ซึ่งสภาพเช่นนี้ ทำให้เราต้องยอมรับว่าภายใต้บริบททางการเมืองแบบ
ประชาธิปไตยนั้น ข้าราชการการเมืองย่อมมีบทบาทที่กว้างขวางในกระบวนการบริหารงานบุคคล
ของข้าราชการประจำอยู่แล้ว
ทั้งนี้หากมองถึงเงื่อนไขความจำเป็นที่ข้าราชการการเมืองต้องมีอำนาจในการสั่งการและ
ร้องขอให้ข้าราชการประจำระดับสูงปฏิบัติหน้าที่ในการสนองนโยบายของฝ่ายการเมืองแล้ว ก็ต้อง
ยอมรับด้วยว่าอำนาจดังกล่าวเป็นเรื่องที่จำเป็นและปฏิเสธไม่ได้ ประสบการณ์จากกรณีศึกษาของ
ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ช่วยสะท้อนให้เราเห็นว่าในกรณีของสหรัฐอเมริกานั้น ประธานาธิบดีแห่ง
สหรัฐอเมริกาในฐานะหัวหน้าของรัฐบาล มีอำนาจในการแต่งตั้งข้าราชการการเมืองระดับสูง
แห่งสหพันธรัฐโดยผ่านการรับรองของวุฒิสภาสหรัฐเป็นจำนวนมากถึงกว่า 1,500 ตำแหน่ง ทั้งนี้
ก็เพื่อให้การทำงานของรัฐบาลเป็นไปโดยเรียบร้อยและเกิดผลในทางปฏิบัติ และเพื่อให้รัฐบาล
สามารถวางบุคลากรที่มีแนวคิดในการทำงาน รวมถึงศักยภาพในด้านต่างๆ ที่เหมาะสมมาช่วย
การประชุมกลุ่มย่อยที่ 3 ประจำเพื่อให้มีความเหมาะสมมากขึ้น และมิใช่เป็นสิ่งที่สวนทางกับข้อเท็จจริงที่เป็นอยู่นั้น
ในการทำงานและขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลให้เกิดผลได้จริงในทางปฏิบัติ
เพราะฉะนั้น การปรับปรุงดุลความสัมพันธ์ระหว่างข้าราชการการเมืองและข้าราชการ
ผู้ศึกษาเสนอให้มีการกำหนดหรือจำแนกตำแหน่งข้าราชการประจำระดับสูงจำนวนหนึ่งที่มีบทบาท