Page 263 - kpi17073
P. 263

262     การประชุมวิชาการ
                   สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 16


                  2. การกำหนดเรื่องการลงประชามติที่เคยปรากฏในรัฐธรรมนูญไทย



                       เมื่อพิจารณารัฐธรรมนูญของประเทศไทยทั้งหมดที่ผ่านมาพบว่าเคยมีการกำหนดเรื่องการ
                  ลงประชามติไว้อย่างเป็นรูปธรรมในรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น 5 ฉบับ คือ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร

                  ไทย พุทธศักราช 2492, 2511, 2517, 2540 และ 2550 โดยในที่นี้จะขอกล่าวถึงการกำหนดให้
                  มีการลงประชามติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2492, 2540 และ 2550
                  เท่านั้น เนื่องจากรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับนี้ได้รับการยกร่างโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ จึงมีบันทึก

                  การประชุมถึงที่มาและข้อโต้แย้งต่างๆ ของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนรัฐธรรมนูญอีก
                  2 ฉบับนั้น ไม่ได้ร่างโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ จึงไม่อาจค้นหาข้อโต้แย้งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในการร่าง

                  รัฐธรรมนูญได้


                    1 การล ประ า    า รั  รร น      รา  า า ักร    พ    ักรา

                       รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2492 กำหนดให้ประชาชนสามารถลง
                  ประชามติได้เฉพาะกรณีที่เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยให้พระมหากษัตริย์เป็นผู้ริเริ่ม
                  การให้มีการลงประชามติในกรณีที่ทรงเห็นว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมที่นำขึ้นทูลเกล้าฯ

                  มานั้นกระทบถึงประโยชน์ได้เสียสำคัญของประเทศหรือประชาชน และทรงพระราชดำริสมควรให้
                  ประชาชนวินิจฉัย 24 25


                       ทั้งนี้ ในชั้นยกร่างรัฐธรรมนูญ แต่เดิมมีการเสนอให้พระมหากษัตริย์ทรงมีพระราชอำนาจ
                  ในการนำร่างกฎหมายที่ไม่ทรงเห็นชอบด้วยตามที่รัฐสภาเสนอไปให้ประชาชนตัดสินใจโดยการลง

                  ประชามติ โดยมีการให้เหตุผลว่าการเพิ่มพระราชอำนาจเช่นนี้ถือเป็นการถ่วงดุลอำนาจ และ
                  ป้องกันมิให้(เสียงส่วนใหญ่ของ)รัฐสภาถือโอกาสออกกฎหมายที่อาจกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของ

                  ประชาชน หรือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศ อีกทั้ง เมื่อถือว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของ
                  ปวงชนชาวไทยแล้ว มติของมหาชนย่อมเป็นสิ่งสำคัญ การคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจจึงเป็น
                  สิ่งที่เหมาะสม
                               26

                       อย่างไรก็ตาม ฝ่ายที่โต้แย้งการให้พระราชอำนาจดังกล่าวก็มองว่า การเพิ่มพระราชอำนาจนี้

                  จะเป็นการดึงสถาบันพระมหากษัตริย์มายุ่งกับการเมืองมากจนเกินไปอันอาจส่งผลให้เกิดความไม่
                  ไว้วางใจกันระหว่างรัฐสภาและพระมหากษัตริย์ได้ จนกระทั่งในการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ

                  ครั้งที่ 37 ที่ประชุมจึงมีมติให้พระมหากษัตริย์มีพระราชอำนาจให้ประชาชนลงประชามติได้เฉพาะ
                  เรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเนื่องจากรัฐธรรมนูญเป็นสิ่งที่กำหนดกติกาและโครงสร้าง
                  ของการปกครองที่สำคัญ จึงควรให้ประชาชนมีโอกาสได้ตัดสินใจในกรณีที่ทรงเห็นว่าการแก้ไข

                  เพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของสภาอาจนำไปสู่การลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนได้    27

        การประชุมกลุ่มย่อยที่ 2      26   รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2511 และ 2517 ก็บัญญัติเรื่องกติกาการลงประชามติไว้
                        รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2492 มาตรา 174 วรรคแรก

                    24
                    25
                  เช่นเดียวกันนี้

                        นันทวัฒน์ บรมานันท์. (2538). ระบบการออกเสียงแสดงประชามติ. กรุงเทพมหานคร : เคล็ดไทย.
                  หน้า 35-42
                        เรื่องเดียวกัน
                    27
   258   259   260   261   262   263   264   265   266   267   268