Page 262 - kpi17073
P. 262
การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 16 261
แนวความคิดที่สอง เชื่อว่า ผู้แทนของประชาชนย่อมต้องผูกพันกับเจตนารมณ์ของ
ประชาชนที่เลือกผู้แทนมา แนวทางดังกล่าวนี้จึงสนับสนุนให้คืนอำนาจการตัดสินใจให้ประชาชน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เป็นประเด็นปัญหา ทั้งนี้ ทฤษฎีที่มีอิทธิพลต่อแนวความคิดดังกล่าว
คือ ทฤษฎีสัญญาประชาคม (Social Contract)ของรุสโซ (Jean Jacque Rousseau (1712-
1778)) โดยความคิดของรุสโซก็ได้รับอิทธิพลจากการมองรูปแบบการปกครองในประเทศ
สวิสเซอร์แลนด์ที่มีการตั้งสภาให้ประชาชนประชุมร่วมกันเพื่อหาข้อยุติในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
ซึ่งรูปแบบการปกครองที่มีลักษณะใกล้เคียงกับประชาธิปไตยทางตรงในประเทศสวิสเซอร์แลนด์นี้
มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 แล้ว 21
ทฤษฎีสัญญาประชาคมของรุสโซแสดงให้เห็นว่า “เจตนารมณ์ร่วมกันของปวงชน” (la volonté
générale หรือ General will) เป็นรัฏฐาธิปัตย์ และปฏิเสธการโอนเจตนารมณ์ร่วมกันของ
22
ปวงชนนี้ไปให้แก่ผู้แทน และเห็นว่าผู้แทนเป็นเพียง “กรรมการ” ที่ประชาชนตั้งขึ้น เท่ากับว่า
ผู้แทนในสายตาของรุสโซจะต้องผูกพันอยู่กับการดำเนินการที่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของ
ปวงชน
ดังนั้น ผู้แทนประชาชนย่อมผูกพันกับประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย และเป็น
ผู้เลือกตนมา การตัดสินใจของผู้แทนประชาชนจึงต้องคำนึงถึงเจตนารมณ์ของประชาชนเป็น
สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นที่เป็นปัญหาที่ผู้แทนประชาชนต่างไม่เห็นพ้องต้องกัน ก็ควร
23
นำประเด็นดังกล่าวกลับไปถามความเห็นของประชาชน หรือคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจ
แนวความคิดดังกล่าวนี้ได้รับอิทธิพลจากทฤษฎีสัญญาประชาคมของรุสโซ ซึ่งถือว่าเจตนารมณ์
ของปวงชนเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ดังที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น ดังนั้น ประชาชนจึงไม่ควรมีส่วนร่วม
เฉพาะแต่เพียงการเลือกผู้แทน หากแต่ควรมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ไปตลอด
กระบวนการด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแนวความคิดดังกล่าวนี้จะสนับสนุนให้มีการทำประชามติเพื่อเป็นการ
คืนอำนาจให้ประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยตัดสิน แต่แนวความคิดและความเกรงกลัวว่า
จะเกิดเผด็จการเสียงข้างมากนั้น ก็ยังคงได้รับการกล่าวถึงอยู่
ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าในหลายประเทศจะกำหนดให้ตัวแทนเสียงส่วนน้อยในสภาที่ไม่เห็นด้วยกับ
เสียงส่วนใหญ่สามารถขอให้นำเอาประเด็นดังกล่าวไปขอให้มีการลงประชามติได้ แต่ก็จะมีการ
ออกแบบกติกาเพื่อกำหนดข้อจำกัดเพื่อสร้างสมดุลระหว่างการป้องกันเสียงส่วนน้อยในสภา
ไม่ให้ใช้การลงประชามติเป็นเครื่องมือจนทำให้การออกกฎหมายที่ต้องรีบด่วนหรือการบริหาร
ราชการแผ่นดินต้องล่าช้า กับการป้องกันไม่ให้เสียงข้างมากในสภามีมติตามอำเภอใจจนขัดต่อ
เจตนารมณ์ของประชาชน นั่นเอง
21 Alexander H. Trechsel and Hanspeter kriesi. (1996). Switzerland : the referendum and initiative
as a centerpiece of the political system. In The referendum experience in Europe. Great Britain :
Macmillian Press LTD. P. 185.
22 Geoffrey de Q Walker. (1987). Initiative and Referendum : The people’s Law. Sydney : The การประชุมกลุ่มย่อยที่ 2
Centre for independent studies, p.54
23 เรื่องเดียวกัน หน้า 30