Page 152 - kpi17073
P. 152

การประชุมวิชาการ
                                                                                         สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 16   151


                            ความท้าทายสำคัญอยู่ที่กระบวนการสรรหาและแต่งตั้งที่รัฐธรรมนูญกำหนด สามารถ
                      คัดสรรผู้มีความรู้ความสามารถที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน (Specialist) และคัดสรรผู้มี

                      คุณลักษณะสำคัญที่รัฐธรรมนูญกำหนดคือ ก.ก.ต.ต้องมี “ความเป็นกลางทางการเมืองและมี
                      ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์” และกรรมการ ป.ป.ช. “นต้องเป็นผู้มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่
                      ประจักษ์และมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด” ได้หรือไม่ ในขณะ

                      ที่กรอบหลักเกณฑ์การพิจารณาคัดสรรในชั้นคณะกรรมการสรรหา หรือชั้นพิจารณาลงมติเลือก
                      หรือให้ความเห็นชอบของวุฒิสภาไม่เป็นที่ปรากฎต่อสาธารณะโดยเปิดเผย


                            ในชั้นการสรรหาและแต่งตั้ง พบว่ามีปัญหาเกี่ยวกับองค์ประกอบของคณะกรรมการสรรหา
                      ซึ่งกำหนดจำกัดอยู่ในวงแคบ ซึ่งฝ่ายตุลาการเข้ามามีบทบาทอย่างสูงในการสรรหาแต่งตั้ง ก.ก.ต.

                      และ คณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวคือ คณะกรรมการสรรหากรรมการการเลือกตั้ง ประกอบด้วย
                      ประธานศาลฎีกา ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานสภาผู้แทน

                      ราษฎร ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร บุคคลซึ่งที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาคัดเลือก 1 คน และ
                      บุคคลซึ่งที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดคัดเลือก 1 คน ดำเนินการสรรหาบุคคลที่มีคุณสมบัติ
                      และไม่มีลักษณะต้องห้าม 3 คน และที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาสรรหาอีก 2 คน เสนอต่อวุฒิสภา


                            ส่วนคณะกรรมการสรรหากรรมการ ป.ป.ช. ประกอบด้วย ประธานศาลฎีกา ประธาน

                      ศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานสภาผู้แทนราษฎร และผู้นำฝ่ายค้านในสภา
                      ผู้แทนราษฎร ดำเนินการสรรหาบุคคลที่มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามเสนอต่อวุฒิสภา
                      เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นประธานและกรรมการ ป.ป.ช.รวม 9 คน


                            การให้บทบาทฝ่ายตุลาการหรือศาลเข้ามาในกระบวนการสรรหาแต่งตั้ง ก.ก.ต. และ

                      คณะกรรมการ ป.ป.ช.อย่างมาก โดยขาดการมีส่วนร่วมจากภาคส่วนอื่นๆ ของสังคม ไม่ว่าจะเป็น
                      ภาคประชาชน ภาควิชาการ ภาควิชาชีพ หรือสื่อมวลชน ทำให้การสรรหาและแต่งตั้งจำกัดอยู่ใน
                      วงแคบเฉพาะนักกฎหมายหรือผู้พิพากษา ขาดมุมมองหรือมิติอื่นๆ ที่ช่วยเติมเต็มและทำให้

                      องค์กรอิสระแสดงบทบาทตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมี
                      ผลกระทบต่อบทบาทของฝ่ายตุลาการในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งต้องเป็นผู้ชี้ขาดสุดท้ายเมื่อมี

                      ข้อพิพาทหรือข้อโต้แย้งต่างๆ ซึ่งโดยหลักแล้วต้องการความเป็นอิสระ เป็นกลาง ไม่เกี่ยวข้องหรือ
                      เป็นผู้มีส่วนได้เสียกับคู่กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือการไม่เกี่ยวข้องกับฝักฝ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
                      ไม่เฉพาะแต่ฝ่ายการเมืองเท่านั้น แต่หมายความรวมถึงองค์กรผู้ใช้อำนาจรัฐทั้งหมดด้วย


                            ในชั้นการพิจารณาของวุฒิสภา วุฒิสภามีอำนาจ “ให้ความเห็นชอบ” หรือ “ไม่ให้ความ

                      เห็นชอบ” เท่านั้น หากไม่ให้ความเห็นชอบ อำนาจชี้ขาดจะเป็นของคณะกรรมการสรรหาฯ ด้วย
                      การมีมติเอกฉันท์ หรือด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา จะเห็น

                      ว่าอำนาจของวุฒิสภาที่ถือว่าเป็นผู้แทนปวงชน มีอยู่อย่างจำกัด การพิจารณาให้ความเห็นชอบต้อง
                      เป็นไปตามที่คณะกรรมการสรรหาเสนอรายชื่อมาเท่านั้น และสุดท้ายหากไม่เห็นชอบก็ต้องส่ง
                      กลับให้คณะกรรมการ สรรหาหรือที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาตัดสินชี้ขาด                                        การประชุมกลุ่มย่อยที่ 1
   147   148   149   150   151   152   153   154   155   156   157